Page 19 - ราชวงศ์คองบอง สงคราม ความรัก และหายนะเหนือบัลลังก์พม่า
P. 19
บทที่ 1 ปูมหลัง
ี
กรุงอังวะเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏจากการท่เป็นผู้น�าในการปราบพวก
โจรมณีปุระ (Manipur) อองไจยะรอดพ้นจากข้อหาดังกล่าวมาอย่างหวุดหวิด
ั
ื
ี
ี
�
่
เขาทาหน้าทผู้ใหญ่บ้านต่อไป หน้าท่ของเขาคอเก็บภาษีและรกษาความสงบ
เรียบร้อยในดินแดนใต้ปกครอง
เมื่อกรุงอังวะเสียแก่มอญในปี ค.ศ. 1752 ทหารมอญเข้าข่มขู่ชุมชน
ิ
ิ
ี
ั
ชาวพม่าในบรเวณใกล้เคยงให้ยอมสวามภกดและจ่ายภาษีให้กบพวกมอญ
์
ั
ิ
ถ้าชุมชนใดไม่สวามิภักดิ์ ทหารมอญก็จะเข้าทาลายชุมชนเหล่านั้นเสียสิ้น
�
�
ทาให้ชาวพม่าเดือดร้อนยิ่งนัก อองไจยะตระหนักได้ในทันทีว่า เขามีหน้าท ่ ี
ี
ท่จะขับไล่พวกมอญออกจากบ้านเกิดเมืองนอนและฟื้นฟูอาณาจักรพม่าให้
ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ขณะนั้นอองไจยะมีอายุ 38 ปี เขาสั่งให้ชาวบ้านเตรียมการป้องกัน
หมู่บ้านจากพวกมอญทันที ผู้ใหญ่บ้านอีก 46 แห่งเห็นอองไจยะเตรียมการ
ต้งรับพวกมอญอย่างเข้มแข็งจึงมาเข้าร่วมด้วย โดยน�าผู้คนมารวมกับอองไจยะ
ั
ที่หมู่บ้านมุตโชโบ
อองไจยะสั่งการให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างป้อมค่ายอย่างง่ายๆ จาก
ี
ต้นหมากและต้นมะพร้าว ต้นไม้ท่เหลือท่ไม่ได้ใช้ เขาสั่งให้ตัดท้งท้งหมด
ี
ั
ิ
ู
ั
ไม่ให้เหลือไว้เป็นประโยชน์ต่อกองทพศตรู ในเวลาไม่นานหม่บ้านมุตโชโบ
ั
ก็มีลักษณะเหมือนป้อมค่ายที่แข็งแกร่ง
หลังจากเตรียมการเสร็จสิ้นได้ไม่นาน กองสอดแนมก็รายงานเข้ามา
ว่า กองทัพมอญก�าลังยกเข้ามาใกล้ เหล่าผู้ใหญ่บ้านหลายคนต่างแสดงอาการ
หวาดกลัว อองไจยะเห็นเช่นนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นว่า
หากได้ถือน�าพิพัฒน์สัตยาเสียคร้งหนึ่งแล้วก็ไม่ควรถอนคาพูด แล้ว
�
้
ั
ถ้าเราเสียน�้าสาบานที่เราได้ดื่มเข้าไปแล้วจะมีแต่ค�าประณามว่า เป็นผู้เสียสัตย์
ในประวัติศาสตร์ต่อไปข้างหน้า ดังนั้นมีปัญหาอยู่ประการเดียวว่า เราจะยอมแพ้
มอญและยอมดื่มน�้าสาบาน หรือเราจะรบมอญอย่างเปิดเผย
19
�������������.indd 19 9/18/2562 BE 6:51 PM

