Page 41 - คู่มือนิเทศ
P. 41
32
2.1.4 แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ
ผู้วิจัยได้ศึกษาหลักการแนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบ และการพัฒนารูปแบบ ดังนี้
(1) ความหมายของรูปแบบ
ี่
้
ั
์
ื
คาศพทในภาษาอังกฤษทใชเรียกรูปแบบมี 2 คา คอ Model และ Paradigm
้
์
ซึ่งสงัด อุทรานันท (2530 : 11) ไดอธิบายว่า ทง 2 คานี้ น าไปใชแตกตางกัน โดยคาว่า Model
่
้
ั้
้
ิ่
์
้
่
ั
ี่
ิ
ใชกับทฤษฎีหรือสงทเกิดขึ้นครั้งแรก แตหากเป็นการน าไปประยุกตใช หรือดดแปลงจากของเดม
เรียกว่า Paradigm แต่ในปัจจุบันนิยมใช้ค าว่า Model ทั้งในกรณีทฤษฎีหรือสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก และ
ในกรณีการน าไปประยุกต์ใช้ ค าว่ารูปแบบหรือ Model ตามพจนานุกรมของ Webster (1970 : 913)
้
้
ี่
่
ี
ไดให้ความหมายแบ่งออกเป็น 4 ประการดวยกัน ไดแก่ 1) แบบจาลองทลอกเลยนแบบย่อสวนจาก
้
ิ
ึ้
ี่
้
ิ่
วัตถุของจริง ตัวต้นแบบ รูปแบบแรกเริ่ม แบบสมมุต หุ่นจาลอง หุ่นขี้ผง 2) บุคคลหรือสงของทไดรับ
ี่
การยกย่องให้เป็นมาตรฐานของความยอดเยี่ยม 3) วิถีทางหรือแบบแผน 4) บุคคลทเป็นแบบให้แก่
้
่
ี่
ิ
ศลปิน ชางภาพ หรือนางแบบแสดงเครื่องแตงกาย คานี้ในภาษาไทยมีคาอื่น ๆ ทใชเรียกใน
่
ึ
่
ความหมายเดียวกันกับรูปแบบ เชน ต้นแบบ ตัวแบบ แบบจาลอง ซึ่งนักวิชาการทางการศกษาหลาย
ท่านได้อธิบายความหมายรูปแบบ ดังนี้
ั
รูปแบบ หมายถึง แผนผง แผนภูมิหรือหุ่นจาลอง ซึ่งมีลกษณะการจาลองสภาพ
ั
ความเป็นจริงของปรากฏการณ์ เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขององค์ประกอบหรือปรากฏการณ์
้
์
ั
ตาง ๆ เพื่อให้เข้าใจไดง่ายขึ้น (สงัด อุทรานันท (2530 : 11), วิชย วงษ์ใหญ่ (2537 : 41), Stoner,
่
ึ
ี่
ิ
Jame A. F. and Wankel, Charles. (1986 : 12) รูปแบบจงเป็นรูปธรรมทางความคดทเป็นนามธรรม
ี่
ั
มีลักษณะเป็นโครงสร้างทางความคิด ที่แสดงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบทสาคญ
ของสงทศกษา หรือสงทบุคคลใชในการหาคาตอบ ความรู้ และความเข้าใจในปรากฏการณตางๆ
ี่
ึ
้
่
ิ่
ิ่
ี่
์
วิจิตรา ปัญญาชัย (2543 : 74), ทิศนา แขมมณี (2545 : 1)
ี่
สรุปว่า รูปแบบหมายถึง โครงสร้างของความคดทแสดงองคประกอบตางๆ และ
์
ิ
่
ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบเหลานั้น
่
(2) ประเภทของรูปแบบ
ั
Keeves (1988, อ้างถึงใน วิจตรา ปัญญาชย 2543 : 74) จาแนกประเภท
ิ
รูปแบบทางการศึกษาและสังคมศาสตร์ ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. รูปแบบเชิงเทียบเคียง (Analogue Model) เป็นรูปแบบที่ใช้ในการอุปมาอุปไมย
ี
ิ
ี่
์
เทยบเคยง ในการอธิบายปรากฏการณทเป็นนามธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจเชงรูปธรรม โดยใช ้
ี
ี่
ี
ั
หลกการเทยบเคยงโครงสร้างของรูปแบบให้สอดคลองกับลกษณะข้อมูลหรือความรู้ทมีอยู่
ี
ั
้
ซึ่งองค์ประกอบของรูปแบบต้องมีความชัดเจน สามารถน าไปทดสอบข้อมูลเชิงประจักษ์ได ้
2. รูปแบบเชิงข้อความ (Semantic Model) เป็นรูปแบบที่ใช้ภาษาเป็นสื่อ
์
ึ
้
ในการบรรยาย หรืออธิบายปรากฏการณทศกษาดวยภาษา แผนภูมิ หรือรูปภาพ เพื่อให้เห็น
ี่
โครงสร้างทางความคิด องค์ประกอบและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของปรากฏการณ์นั้นๆ
3. รูปแบบเชิงคณิตศาสตร์ (Mathematical Model) เป็นรูปแบบที่ใช้สมการทาง
คณิตศาสตร์ แสดงความสัมพันธ์ของตัวประกอบหรือตัวแปร

