Page 106 - หนังสือ กรมป่าไม้ 123 ปี
P. 106
พจนานุสรณ์ ๑๒๓ ปี กรมป่าไม้ "รักป่า รักประชาชน"
๔ อธิบดีกรมป่าไม้คนแรก และอธิบดีผู้มีอาวุโสสูงสุดในปัจจุบัน
นายเอช.เอ. สะเลด นายถนอม เปรมรัศม ี
อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้
พ.ศ. ๒๔๖๗ - ๒๔๗๗ พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙
�
ป่าไม้เป็นของแผ่นดิน ต้องถือว่าบันดาป่าไม้ทั้งปวง เปน การทาไม้ในป่า การปลูกสวนป่า การสารวจป่า การดูแล
�
�
สมบัติของกรุงสยาม และควรต้องจัดการเปนของแผ่นดิน....เจ้าของ รักษาป่าไม้ การนาไม้ออกไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์นานาชนิด ล้วนเป็น
ป่าไม้ มอานาจจะใช้ไม้หรือขายไม้ท่ออกจากป่าของตนได้ แต่จะไม่ยอม การผันเงินไปสู่ชาวบ้านทั้งนั้น”
ี
�
ี
ให้มีอ�านาจท�าอันตรายป่า และไม่ยอมให้ท�าการอย่างใด อันจะให้ผล “ถ้าไม่รักษาป่าไว้ให้ดี ไม่มีป่าเหลืออยู่ จะน�าป่าที่ไหนมา
ประโยชน์ป่าน้อยลงด้วย .... ถ้าจะคิดอีกอย่างหน่งว่า ป่าไม้เปนเงิน บ�ารุงกัน...การรักษาป่า เป็นเรื่องใหญ่และส�าคัญจริง ๆ เมื่อผู้เขียน
ึ
ี
ึ
ต้นทุน ไม้ตัดฟันได้ในปีๆหน่ง เปนดอกเบ้ย ข้าพเจ้าจะยอมให้เจ้าของป่า เริ่มเข้ารับราชการกรมป่าไม้ ๓๕ ปี ที่แล้วมา ป่าไม้ของประเทศมีอยู่
ั
ได้รับแต่ดอกเบี้ย ไม่ยอมให้เอาต้นทุนไป เพราะต้นทุน เปนสมบัติของ ประมาณ ๖๕ เปอร์เซ็นต์..ประชากรขณะน้นราว ๑๘ ล้านคน แต่บัดน ี ้
ี
ื
�
คนท้งแผ่นดิน ผู้ท่เปนเจ้าของป่าไม้อยู่บัดน้ จะแกล้งทาอย่างหนง ึ ่ ปรากฏว่ามีเน้อท่ป่าเหลืออยู่ประมาณ ๓๗ - ๓๘ เปอร์เซ็นต์.. ประชากร
ี
ั
ี
อย่างใด ให้คนทั้งแผ่นดินขาดผลประโยชน์ด้วยนั้น ไม่ได้ ข้อเสนอตั้ง ขณะนี้ ๔๒ ล้านคนเศษ ... การรักษาป่านั้น ได้ด�าเนินการควบคู่กับ
ึ
ั
�
กรมป่าไม้ : "ท่จะรักษาป่าไม้ และจัดการให้เจริญข้นเต็มท่ จาเป็น การบารุงป่า ... แต่สภาพป่าโดยท่วไปไม่ฟื้นคืนดีข้น ... มีแต่ลดน้อย
�
ี
ึ
ี
ึ
ั
ึ
ต้องมีกรมป่าไม้ แยกต้งข้นเป็นกรมหน่ง" "การป่าไม้ เปนวิชาอย่างหน่ง ึ ทรุดโทรมลง…” (วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘)
�
ี
ปัญหาเกี่ยวกับวิชาการในป่าไม้ ย่อมมีทุกป่า ปัญหาเหล่านั้น จะพาให้ “ ตลอดระยะเวลา ๘๐ ปี ท่กาลังจะผ่านไป สถานการณ์ป่าไม้
ั
ป่าเจริญ หรือเปนอันตรายไปก็ได้ และต้องให้เจ้าพนักงานป่าไม้ท่ชานาญ ของประเทศชาติ มีท้งการก้าวหน้าและถอยหลัง การก้าวหน้าใน
ี
�
ในวิชาเปนผู้ตัดสิน" "จ�าต้องมีกรมป่าไม้ดูแลการบังคับบัญชาป่าไม้ ด้านการเติบโตของการบริหารงาน การใช้ประโยชน์ และปลูกสร้าง
ั
ื
�
ี
ื
ั
พิจารณาตัดสินปัญหาในเร่องป่าท้งปวง แลควรให้เปนกรม ท่มีผู้ชานาญ สวนป่า ส่วนการถอยหลังน้น ได้แก่ การลดน้อยถอยลงของเน้อท ี ่
วิชาการป่าไม้ด้วย ที่จะตั้งกรมป่าไม้ ไม่ใช้ว่าจะตั้งได้ครู่เดียว แต่ควร ป่าไม้ และปริมาณไม้ที่มีอยู่เป็นเงาตามตัว”
จะรีบลงมือจัดตั้งขึ้นเสียเวลานี้…" "น่าที่ของกรมป่าไม้นั้นหนักมาก... “ความหวังในเรื่องทรัพยากรป่าไม้ของชาติ จะวัฒนารุ่งเรือง
ึ
ให้กรมป่าไม้มีหน้าที่รับผิดชอบ เก็บภาษีผลประโยชน์แผ่นดินในการ ต่อไปเพียงไร แค่ไหน..ข้นกับนโยบายของรัฐ ความร่วมมือของทาง
ป่าไม้...ข้าพเจ้าเห็นว่า กรมป่าไม้นั้น ควรให้ตั้งที่เชียงใหม่ ราชการและประชาชน ตลอดทั้งการปฎิบัติหน้าที่ของผู้มีหน้าที่โดย
ตรงด้วย”
“ กรมป่าไม้ เป็นหน่วยราชการของรัฐ มีหน้าท่คอยดูแล
ี
ปกป้องรักษา และจัดการทรัพยากรป่าไม้ของชาติให้อยู่ในสภาพที่
มั่นคง และยั่งยืนตลอดไป… (๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๙)
104 105

