Page 11 - ฉบับที่ 100
P. 11

ี
                                                             ู
           ไดอยางไร แตเพลโตใชทฤษฎีน้ในการจัดระเบียบของรัฐตามชนช้น หากผใดมีจิตภาคตัณหาเดน
                                                       ั
                                              ี
                                                        ู
                            ั
           ก็จะเปนพอคาและชนช้นแรงงานซ่งมีจํานวนมากท่สุดในรัฐ หากผใดมีจิตภาคน้าใจเดนก็จะเปน
                                                                 ํ
                                   ึ
            ู
                          ี
                                     ั
                                                     ู
           ผพิทักษหรือทหารท่จะรักษาความม่นคงของรัฐ และหากผใดฝกฝนจนมีจิตภาคปญญาเดน
                                                            ู
                                                           ี
                  ู
                                       ี
           ก็จะเปนผปกครองหรือรัฐบาลทําหนาท่บริหารประเทศ รัฐใดก็ตามท่ผคนปฏิบัติหนาท่ของตน
                                                                       ี
           ไดตรงกับจิตของตนที่โดดเดนแลว เพลโตถือวารัฐนั้นเปนรัฐในอุดมคติ
                                                     ื
                   ทฤษฎีจิตสามภาคและรัฐในอุดมคติเปนหลักพ้นฐานของวิธีทางสังคมการเมือง
                                                              ี
           ในโลกตะวันตกมาโดยตลอด การเกิดแนวคิดเสรีประชาธิปไตยก็มีท่มาจากการมองวา
                                            ุ
                                       ่
                                       ี
                         ิ
                                    
           ในโลกความเปนจรงนน เปนไปไมไดทจะหาบคคลทจะทาหนาทราชาปราชญ จนตองเกด
                                      
                      
                                                                       
                                                                           ิ
                                                       
                                                                   
                                                          ี
                                                          ่
                                                 ี
                                                 ่
                           ้
                               
                                                    ํ
                           ั
           การพัฒนาสถาบันทางการเมืองที่เรียกวา ประชาธิปไตย ขึ้นมา แตสําหรับทฤษฎีสงครามแลว
           จะเห็นไดอยางชัดเจนวา เคลาเซวิทซนําเอาทฤษฎีจิตสามภาคและชนช้นทางสังคม
                                                                   ั
           ในรัฐอุดมคติมาพัฒนาเปนทฤษฎีสามเหลี่ยมสงคราม ดังตอไปนี้
                                            ึ
                                                   ี
                                 ิ
                   สงครามเปนมากกวาก้งกาคาเมเลียน ซ่งปรับเปล่ยนลักษณะของตัวเองตามสถานการณ 
             ื
           เม่อพิจารณาสงครามในฐานะปรากฏการณทางสังคมในภาพรวม จะเห็นไดวาสงคราม
           ประกอบดวย
                                                           ึ
                   ๑. ความรุนแรง ความเกลียดชัง และความเปนศัตรูซ่งเปนสัญชาตญาณดิบ
           ของมนุษย
                   ๒. การใชโอกาสและความนาจะเปนที่ทําใหทหารเกิดขวัญและกําลังใจและสามารถ
           สรางสรรคสิ่งที่ตองการภายใตสถานการณและโอกาสที่มี
                             ื
                   ๓. การเปนเคร่องมือของการดําเนินนโยบายทางการเมือง ซ่งทําใหเหตุผลของการทา
                                                           ึ
                                                                           ํ
           สงครามเปน “เหตุผลของรัฐ (Raison D’état)”
                                                                          ี
                                                ั
                   องคประกอบในภาพรวมของสงครามท้งสามประการน้เรียกวา “สามเหล่ยม
                                                           ี
                                                       ื
                                                                       ี
                                                  ี
           สงคราม (Paradoxical Trinity)” องคประกอบท่ ๑ เร่องความรุนแรงจะเก่ยวของ
                                       ื
           กับประชาชน องคประกอบท่ ๒ เร่องโอกาสจะเก่ยวของกับผนําทหารและกองทัพ
                                                            ู
                                                   ี
                                  ี
                                                            ู
                          ื
                                     ี
                      ี
           องคประกอบท่ ๓ เร่องเหตุผลจะเก่ยวของกับรัฐบาล อารมณความรสึกเร่องความเกลียดชัง
                                                               ื
                                            ึ
           จะมีอยแลวในประชาชน สงครามจะเกิดข้นเม่ออารมณน้ไดรับการกระตนใหปรากฏ
                                                       ี
                                                                   ุ
                                               ื
                 ู
               ั
                 ้
                 ึ
           เดนชดขน การใชความกลาหาญและพรสวรรคในสงครามจะเปนเร่องโอกาสและความเปนไปได 
                                                         ื
             
                                 ู
                ึ
            ึ
                ้
                          ู
                   ู
            ่
                                                             ี
           ซงจะขนอยกับภาวะผนําของผนําและความพรอมรบของกองทัพ แตท่สุดแลววัตถุประสงค 
           ทางการเมืองเปนเหตุผลในการตัดสินใจทําสงครามของรัฐบาล” ๑
                                                                ¹ÒÇÔ¡Ò¸Ô»˜µÂÊÒÃ
                                                                ¤Åѧ»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¼ÙŒ¹íÒ   9
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16