Page 22 - การเลี้ยงปลา_Neat
P. 22
18
9. การจับปลาหรือการเคลื่อนย้ายปลา หากไม่มีความจ าเป็นไม่ควรมีการจับปลาหรือ
เคลื่อนย้ายปลาออกจากตู้ปลาอย่างเด็ดขาด เพราะการจับหรือการเคลื่อนย้ายปลาไม่ถูกวิธีหรือไม่
ช านาญ มักท าให้ปลาบอบช้ า เกล็ดหลุด เกิดบาดแผล พิการ หรือตายได้ หากจ าเป็นต้องจับปลาหรือ
เคลื่อนย้ายปลา เช่น ในกรณีล้างตู้ปลาหรือเปลี่ยนตู้ปลา ก็ต้องท าอย่างระมัดระวัง โดยไม่ควรช้อน
้
้
ปลาพนจากน้ า โดยเฉพาะการใช้กระชอนช้อนปลาพนน้ าขึ้นมา เพราะเมื่อปลาพนน้ าขึ้นมาปลาจะ
้
กระโดดพลิกไปมาในกระชอน อาจเกิดการทับครีบของตัวปลาเอง หรือหากช้อนปลาหลายตัวพร้อม
กัน ปลาจะกระโดดทับกระแทกกันไปมา ผลก็คือการจับปลามักท าให้ปลาเกล็ดหลุด เกิดบาดแผล
ั
หรือครีบหักพบกลายเป็นปลาพิการไปได้ วิธีการที่เหมาะสม คือ ควรใช้ภาชนะที่ใหญ่กว่าตัวปลา เช่น
ขัน หรือถังพลาสติก ใส่ลงในตู้ปลาแล้วค่อยๆไล่ปลาโดยอาจใช้กระชอนช่วย ค่อยๆไล่ปลาเข้าภาชนะ
ึ้
แล้วยกขนทั้งปลาและน้ า อาจใช้กระชอนช่วยปดดปากภาชนะกันปลากระโดดส าหรับปลาบางชนิดด้วย
แล้วย้ายปลาไปลงในภาชนะที่เตรียมไว้ จะลดความบอบช้ าของปลาได้ นอกจากนั้นหากภายในตู้ปลา
มีหินประดับหรือเครื่องประดับต่างๆ ก็ควรน าออกจากตู้ปลาก่อน และไล่ปลาช้าๆอย่าให้ปลาตื่นตกใจ
มากนัก เพราะปลาอาจวิ่งชนขอบตู้หรือซุกไปตามปะการัง ท าให้เกิดบาดแผลได้
10. น้ าที่จะใช้เลี้ยงปลาสวยงาม จะต้องเป็นน้ าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการด ารงชีพ
ของปลา และสิ่งที่ส าคัญที่สุดคือจะต้องใส เพราะสิ่งส าคัญส าหรับการเลี้ยงปลาสวยงามคือต้องการ
มองเห็นปลาสวยงามอย่างชัดเจน มองดูน้ าใสสะอาด ส าหรับประเภทของน้ าและคุณสมบัติ
ที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงปลาสวยงาม
11. โรคพยาธิและการป้องกันรักษา การเลี้ยงปลาสวยงามเป็นการเลี้ยงในพนที่แคบ ๆ
ื้
ที่ขาดความสมดุลของระบบนิเวศน์ จึงมักท าให้ปลาเกิดอาการผิดปกติได้ง่าย โดยเฉพาะการเกิดโรค
ระบาดต่าง ๆ ผู้เลี้ยงจ าเป็นจะต้องหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของปลาที่เลี้ยงอยู่เสมอ เช่น
ลักษณะอาการว่ายน้ า การกินอาหารน้อยลง หรือการเกิดผิดปกติของร่างกาย ได้แก่ สีซีดลง เมือก
มากขึ้น หรือตกเลือด จะต้องรีบด าเนินการแก้ไข

