Page 13 - เที่ยวพิพิธภัณฑ์มีนบุรี ใน E-Book
P. 13

ได้สางแล้ว แต่ยังเหลือมาก ท่วงทีในนาถ้าจะเล่นนกเห็นจะสนุกแน่ ตามริมคลองเลี้ยงเป็ดไทย

               เป็ดเทศ ไก่ นกพิราบ ตลอดทั้งนี้คงเป็นวิสัยแขก เพื่อจะเชือดง่าย ในเรื่องเชือดคออย่างแขก
               มันก็มีดีที่ได้กินอาหารสด แต่ถ้าบทร้ายก็ร้ายมาก เล่ากันว่าเมื่อเวลาไปยุโรปคราวนี้ พวกเมืองมีน

               เมืองธัญญ์พากันเจ็บเป็นโรคเพล็กตายมาก แต่สังเกตว่าเฉพาะตายในพวกแขกมากกว่าไทย

               แต่เมื่อพิจารณาตรวจตรากันเข้า ได้ความว่ามิใช่โรคเพล็ก เป็นโรคที่เกิดขึ้นในฝูงสัตว์โคกระบือ

               พอเจ้าของรู้ว่าเจ็บก็ขายให้แขก แขกก็มาเชือดกิน คนที่กินแรกนั้นไม่มีรอดเลยแต่สักคนเดียว

               ส่วนคนที่พยาบาลตอนต้นตายบ้างรอดบ้าง  แต่พยาบาลชั้นที่ ๓ ไม่มีใครตายเลย เป็นด้วยพิษโรค
               ที่เกิดจากสัตว์อย่างเดียว


                       กินข้าวต้มกุ้งแล้ว ถึงตำบลคู้มีสุเหร่าใหญ่
               ดูเป็นกำลังบริบูรณ์ บ้านเรือนผู้คนเต็มตลอด

               แถบนี้ดูมีไทยมากขึ้น มีเจ๊กขายหมู ได้เรียกมาถาม

               ได้ความว่าเป็นเมืองมีน เจ๊กคนนี้รับวันละตัว

               ราคานั้น ๕๐ บาท ขึ้นไปหา ๖๐ ว่าแพงเพราะ

               ไม่ใคร่มีหมู เป็นหมูโรงสี ขายชั่งละ ๒ สลึง ๒ ไพ
               ประเดี๋ยวก็ถึงวัด พบกรมดำรงและพระยาสุขุม                   ที่มา : www.mgronline.com

                                ี
               ที่นั่น ได้ความว่าอกชั่วโมงเดียวจะถึงเมืองมีน เขากะอย่างโอ๊ะๆ ให้เดินช้าๆ ที่จริงจะตื่นสัก ๔ โมง
               แล้วจึงมาก็ทันไปนอนเมืองมีน แต่แกขึ้นไปดูวัด ขึ้นทางตะพานการเปรียญแล้วไปโบสถ์ เป็นชิ้นใหม่
               อย่างเอกเพิ่งแล้ว ๘ ปีเท่านั้น ได้ความว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

               (ริด)วัดอรุณ) ออกมาผูกสีมาตั้งชื่อว่า วัดทรัพย์สโมสรนิกรเกษม เพราะว่าผู้ที่สร้างนั้นเป็นยายทรัพย์

               คนหนึ่ง ในวิสุงคามปลวกกินยับเยินได้รับว่าจะทำให้ใหม่ ใบเดิมลงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ร.ศ.๑๑๘

                                                              ์
               สมภารอยู่ข้างปากคอเราะร้าย และบอกว่าบริบูรณดี ออกจากวัดนี้เวลา ๕ โมงหลวง ๔ โมงราษฎ์
               ไม่ช้านักผ่านบ้านแขกและสุเหร่าแขกอีก ๒ แห่ง ถึงแสนแสบตอนนอกนี้ไม่สู้มีบ้าน ต้นแถวโรงพล
               ตะเวนท่าดินแดงตามเคย ถัดไปตะราง ๆ ทำใหญ่โตแน่นหนาดีกว่า ที่ไหน ๆ ในหัวเมืองเป็นอันมาก

               แต่ไม่มีคนโทษ มีแต่คนที่อยู่ในระหว่างพิจารณา ๗ คน เพราะไม่มีศาล ถัดไปเป็นที่ว่าการเมือง

               แล้วจึงเข้าบ้านเจ้าเมืองปลัดเมือง ออกจะตามเคยอย่างเมืองธัญญบุรี แต่ที่หน้าที่ว่าการเหล่านี้
               ยังไม่มีถมดิน มีถนนขึ้นจากน้ำสายหนึ่ง ตรงหน้าบ้านผู้ว่าราชการ ถนนขวางสายหนึ่งตั้งแต่ประตู

               หน้าบ้านผู้ว่าราชการเมืองไปถึงโรงพล เพราะที่นี่ไม่มีศาลเมืองไม่มีกำลังที่จะทำอะไรได้ เรือเข้าไป

               ในคูตรงหน้าบ้านผู้ว่าราชการเมืองจอดที่หน้าเรือนเก่าของชายงาม (หม่อมเจ้าสง่างาม  สุประดิษฐ์)

                                                                                            ิ
                  ็
               เปนเรือนเครื่องผูกเลว ๆ แต่สบายดีกว่าเรือนฝากระดานอีก ทำกับเข้า(ข้าว)ที่แคร่รมคูในเงาต้นไผ่
               แต่มากินกลางวันบนเรือน เวลาเย็นไปดูเรือนผู้ว่าราชการ แล้วลงเรือไปดูคลองสามวา คลองสามวานี้
               เป็นของกรมภูธเรศขุด (พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ซึ่งได้ทรงบัญชาการ
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18