Page 160 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 160

158

ประชาชน กองทหารประชาชน หรือหน่วยจรยุทธ์ พื้นที่การเคลื่อนไหวมากที่สุดอยู่ในเขตจังหวัดนครพนม,
อบุ ลราชธานี, สกลนคร และอุดรธานี

      ปลายปี พ.ศ. 2507 คอมมิวนิสต์ได้แสดงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเริ่มสงครามปลดแอกข้ึน
ในประเทศไทย ทั้งนี้ จากคำแถลงของวิทยุปักกิ่ง และวิทยุประชาชนแห่งประเทศไทย ที่พยากรณ์ว่า
คอมมิวนิสต์จะต้องเข้ายึดครองประเทศไทยในที่สุด และหลังจากนั้น ก็ได้ประกาศก่อตั้ง “แนวร่วมรักชาติ
แหง่ ประเทศไทย” ข้ึน เม่อื วันท่ี 1 มกราคม 2508 ตอ่ มาประมาณอีกหนง่ึ สปั ดาห์ นายเซนยี บุคคลชั้นนำของ
จีนคอมมิวนิสต์ ไดแ้ ถลงการณ์ว่า สงครามปลดปล่อยชาตอิ าจจะเร่มิ ขึ้นในประเทศไทยในปลายปีน้ี

      เมอ่ื วันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2508 กองโจรคอมมิวนสิ ต์ไดซ้ ่มุ โจมตขี บวนของเจ้าหนา้ ทีต่ ำรวจท่ี บ.นาบัว
ต.เรณูนคร อ.ธาตุพนม จว.นครพนม ทำให้ พ.ต.อ.สงัด โรจนภิรมย์ ผกก.ภ.จว.น.พ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส
นับเป็นครั้งแรกที่พวกคอมมิวนิสต์ได้ใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
ได้ถือโอกาสนัน้ ประกาศว่า วันที่ 7 สิงหาคม 2508 เป็นวันที่ทางพรรคเปิดสงครามจรยุทธ์และพวกเขาเรียก
วนั น้ีวา่ “วันเสยี งปืนแตก” จากวนั น้ันประเทศไทยกต็ กอยใู่ นสถานการณ์ก่อการร้ายเปน็ ตน้ มา
4. การปอ้ งกนั และปราบปราม ผกค.ดว้ ยมาตรการทางกฏหมายและมาตรการทางทหาร

      รฐั บาลไทยทกุ ยุคทุกสมัยได้ดำเนินนโยบายในการต่อต้านคอมมวิ นิสต์เสมอมาตง้ั แตเ่ กดิ ลัทธิคอมมิวนิสต์
ขึน้ ในโลก และตา่ งเช่ือมั่นวา่ ราษฏรไทยคงไมน่ ิยมชมชอบลัทธดิ งั กลา่ ว เนือ่ งจากความเป็นผูร้ ักสงบยดึ มั่นอย่าง
เคร่งครัดในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และขนบธรรมเนียมประเพณี ฉะนั้น รัฐบาลในสมัยที่เริ่มเกิด
ลทั ธคิ อมมิวนิสต์ จงึ มิได้กำหนดวิธีการป้องกันและปราบปรามอยา่ งแน่ชัด

      พวกคอมมิวนิสต์ได้พยายามใช้จดุ อ่อนในเรือ่ งความอดอยาก และความไม่เป็นธรรมของประชาชนใน
พื้นที่ชนบทห่างไกล ประกอบกับความสัมพันธ์ด้านเชื้อชาติขนบธรรมเนียมประเพณีกับประเทศใกล้เคียง
คือ ลาว และเขมร เป็นจุดปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อเพื่อเพาะเชื้อคอมมิวนิสต์ขึ้น แล้วขยายกว้างออกไป
เร่อื ย ๆ จนประชาชนในพ้ืนที่ห่างไกลยอมเข้ารว่ มอดุ มการณ์

      การดำเนินการของคอมมิวนิสต์ เริ่มทำให้เกิดความไมม่ ัน่ คงขึ้นในประเทศซึง่ หากปล่อยใหเ้ ป็นไปโดย
อิสระเสรีแล้ว อาจทำให้ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในที่ สุด ฉะนั้น รัฐบาลจึงได้
ตราพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์ พ.ศ.2476 ขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันและปราบปราม
คอมมวิ นสิ ต์ วธิ กี ารตามกฎหมายน้ี คอื การสบื สวน สอบสวน จับกมุ นำมาลงโทษ คุมขัง ตามแตก่ รณี จนถึงขั้น
ประหารชีวิต และได้แก้ไขเรื่อยมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2489 ต้องถูกยกเลิกเพื่อแลกกับการเข้าเป็นสมาชิก
องคก์ ารสหประชาชาติของประเทศไทย แตร่ ฐั บาลก็ต้องนำกลับมาใช้ใหม่ โดยตราเป็นพระราชบัญญัติป้องกัน
การกระทำอนั เปน็ คอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ข้ึน เนอื่ งจากมีคนไทยแตกแยกกัน เพอ่ื ลม้ ล้างสถาบันของประเทศ
ถึงแม้รัฐบาลจะได้นำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ใหม่ แต่พวกคอมมิวนิสต์พยายามซุ่มซ่อนเผยแพร่ลัทธิของตน
และปฏิบัติการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงมากขึ้น ฉะนั้น ในปี พ.ศ. 2501 รัฐบาลจึงได้ประกาศกฎอัยการศึก
ท่ัวประเทศ เพอ่ื สกัดกน้ั การขยายตัวของลัทธอิ ุบาทว์น้ี และไดก้ ำหนดให้เจ้าพนกั งานสอบสวนมอี ำนาจควบคุม
ผู้ต้องหาการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสตไ์ ด้ตลอดเวลาที่มีการสอบสวน โดยให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ทั้งนี้
ให้ลงโทษผู้กระทำผิด ตามพระราชบัญญัติปอ้ งกันการกระทำอันเปน็ คอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 อย่างเฉียบขาด
   155   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165