Page 14 - THE OTTOMAN EMPIRE มหาจักรวรรดิผู้พิชิต
P. 14
14
ึ
�
ี
ี
อิสตันบูล ถือได้ว่าเป็นเมืองท่สาคัญแห่งหน่งของโลกท่ในปัจจุบัน
ื
ั
ิ
ุ
ิ
สามารถเดนทางไปยงเมองหลกๆ ของยโรปและแอฟรกาได้ภายใน
ั
ั
ห้า-หกช่วโมง เดินทางไปเอเชียหรืออเมริกาได้ภายในสิบเอ็ด-สิบสอง
ชั่วโมง ซึ่งท�าเลที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์นี้เองท�าให้อิสตันบูลเป็นเสมือน
ศูนย์กลางและจุดนัดพบของโลกมาต้งแต่อดีตกาล และสนามบิน
ั
นานาชาติอตาเติร์กในนครอิสตันบูลก็เป็นสนามบินท่มีผู้ใช้บริการ
ี
มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยใน พ.ศ. 2560 ได้รองรับผู้ใช้บริการ
ี
เกือบ 70 ล้านคน ทุกวันน้มีประชากรอาศัยอยู่ในนครอิสตันบูล
ี
ประมาณ 15 ล้านคน และมีนักท่องเท่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือน
มหานครแห่งนี้ปีละกว่า 10 ล้านคน จึงท�าให้อิสตันบูลยังอยู่ในห้วง
ความคิดและความรับรู้ของคนจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
อิสตันบูลเคยยิ่งใหญ่ อีกทั้งเคยเป็นหัวใจของอารยธรรมและ
จักรวรรดิท่เกรียงไกรหลายยุคหลายสมัยยาวนานหลายร้อยปี ไม่ว่า
ี
จะเป็นจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) จักรวรรดิโรมัน
ตะวันตก (Eastern Roman Empire) ในยุคศตวรรษที่ 4 หรือ
จักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire) ซึ่งเคยเรืองอ�านาจสูงสุด
ุ
้
ั
ี
่
ี
ในยคศตรวรรษท 16-17 และในทกวนน ไม่ว่าจะเดนไปทใดใน
ิ
ี
่
ุ
อิสตันบูลก็ยังสามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงความรุ่งเรืองและความ
อลังการในอดีต จากยุคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ส่งนาใต้ดิน
�
้
ี
(Basilica Cistern) หรือพิพิธภัณฑ์อายาโซเฟย (Hagia Sophia)
ซ่งเป็นโบสถ์ศาสนาคริสต์อันเก่าแก่จากยุคจักรพรรดิจัสติเนียน
ึ
(Justinian I) แห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ในยุคศตวรรษที่ 6 ที่เคย
ี
ถูกเปล่ยนให้เป็นสุเหร่า และมัสยิดสุลต่านอาห์เมด (Sultan Ahmet
ั
Mosque) หรือท่เรียกกันท่วไปจนติดปากว่า “มัสยิดสีฟ้า” (Blue
ี
มหาจักรวรรดิผู้พิชิต

