Page 11 - 30 ปี แห่งความภาคภูมิใจ รพ.กุสุมาลย์
P. 11
ธ รรมของหลวงตา
ของดีเกิดขึ้นยาก
หลวงตาคำาดี ปัญโญภาโส วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
ความรู้สึกของจิตที่อยากจะกระทำาสิ่งนั้น กระทำาสิ่งนี้ สิ่งที่ดีบ้าง เสียบ้าง เราไม่ประคับประคอง
ไม่สร้างความดีที่เป็นปัจจัยก็ไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมาย เพราะฉะนั้นการเกิดของดวงจิตที่อยากไปภพภูมิต่างๆ
นั้นเราจะปรารถนาไม่ได้ ถึงปรารถนาแล้วก็ไม่สำาเร็จ แต่เมื่อปรารถนาแล้วก็ต้องทำา หรือที่เรียกว่า กรรม ที่เรียกว่า
ปรารถนานั้นคือ อุปาทาน หมายถึงยึดสิ่งนั้นแล้วต้องกระทำา เป็นต้นว่า ต้องการจะทำาอะไร ต้องการจะไปอยู่
ที่ไหน ก็ต้องทำา คำาว่า ทำา หมายถึง ต้องแสวงหาปัจจัย นับตั้งแต่ปัจจัยอำานวยความสะดวก หรือ ปัจจัย 4 นั่นเอง
เพราะฉะนั้นการที่เรา ท่านทั้งหลาย อยู่ร่วมกันดังกล่าวนี้สำาเร็จเสร็จนั้น เมื่อเราต้องการความสุข ต้องการ
ความเจริญใน สัมปรายภพ หรือภพเบื้องหน้า ก็ต้องสร้างปัจจุบันนี้ ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องแก้ไข ปรับปรุงจิตใจของตน
ในปัจจุบัน จึงจะเป็นผลสำาเร็จเรียกว่า ต้องทำากรรม เพราะทำากรรมนี้ ทำาให้เป็นผลสำาเร็จเพราะเป็นปัจจัยเกื้อหนุน
ให้ อุปาทาน การนั้นสำาเร็จตรงเป้าหมายได้ แต่ถ้าเราปรารถนาอย่างเดียว ไม่ทำาแล้วก็ไม่มีทางที่จะสำาเร็จได้ เพราะเหตุนี้
การกระทำาของตน จะเป็นการกระทำาด้วยกายก็ดี หรือการกระทำาด้วยวาจาก็ดี กระทำาด้วยใจก็ดี เรียกว่า กายกรรม
วจีกรรม และมโนกรรม ดังนั้น การกระทำาด้วย กาย วาจา จิต 3 ประการนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ อนาคตหรือจะดูว่าอนาคต
ของเราจะได้รับความสุขหรือความทุกข์จะไปอยู่ใน ภพภูมิไหน สถานที่ไหน ก็จงดูที่ต้นเหตุ คือการกระทำาของตน
ที่กาย ที่วาจา ที่จิตของตน ให้เราดูตัวนี้แล้ว เราจะเห็นว่าเราไปสู่สุคติหรือทุคติ ไม่มีใครที่จะช่วยได้ นอกจากการ
ช่วยตัวของเราเอง ภาษาธรรมะท่านเรียกว่า “อัตตาหิ อัตตโน นาโถ” ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และคำาว่าตนเป็นที่พึ่ง
แห่งตนนั้น ตนต้องกระทำา พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า “อักขาตาโร ตถาคตา” พระพุทธองค์นั้นเป็นเพียงผู้ที่แนะ
บอกหนทางเท่านั้น ส่วนใครจะได้จะสำาเร็จ บรรลุถึงเป้าหมายหรือไม่นั้น อยู่ที่บุคคลนั้นต้องกระทำาเอง
“อักขาตาโร ตถาคตา” พระพุทธองค์นั้นเป็นเพียงผู้ที่แนะบอกหนทางเท่านั้น
ส่วนใครจะได้จะสำาเร็จ บรรลุถึงเป้าหมายหรือไม่นั้น อยู่ที่บุคคลนั้นต้องกระทำาเอง
ศูนย์เผยแผ่ธรรมะออนไลน์กัณฑกะ

