Page 3 - หน่วยที่ 10 การคลังรัฐบาลและนโยบายการคลัง (Autosaved)
P. 3

(4) เพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาสเถียรภาพของรายได้และการว่าจ้างท างาน เช่น เมื่อเศรษฐกิจอยู่ใน

                            ภาวะเงินฝืด  มีการว่างงานมาก  รัฐมีนโยบายลดภาษีอากร  ในทางตรงกันข้ามถ้าเศรษฐกิจของ
                            ประเทศอยู่ในฐานะเงินเฟ้อ รัฐบาลก็จะมีนโยบายเพิ่มภาษีอากร
                     2.)  ลักษณะของระบบภาษีอากร

                         อดัม สมิธ (Adam Smith) ได้เสนอแนวความคิดว่าภาษีอากรที่ดีจะต้องประกอบด้วย
               หลัก 6 ประการดังนี้

                         (1)    หลักความยุติธรมม (Equity) คือ บุคคลทุกคนที่มีฐานะเท่าเทียมกัน ต้องมีหน้าที่เสียภาษีอากรใน
               อัตราเดียวกัน  ความยุติธรรมพิจารณาได้จากความสามมารถในการหารายได้  และ/หรือความเป็นเจ้าของทรัพย์

               สมบัติหรือเงินทุน เช่น บุคคลที่มีรายได้มากควรเสียภาษีมากกว่าผู้มีรายได้น้อย
                         (2)    หลักความแน่นอน  (Certainty)  ภาษีอากรที่ดีจะต้องยึดหลักความแน่นอนเกี่ยวกับอัตราภาษี

               วิธีการจัดเก็บ ระยะเวลาของการจัดเก็บและสถานที่ของการจัดเก็บ
                         (3)  หลักความสะดวก (Convenience) การเก็บภาษีอากรต้องค านึงถึงความสะดวกของฝ่ายเจ้าหน้าที่
               ผู้จัดเก็บและฝ่ายผู้เสียภาษี โดยจะต้องค านึงถึงความสะดวกในเรื่องเวลา วิธีจัดเก็บและสถานที่  ซึ่งวิธีการจัดเก็บที่

               อ านวยความสะดวกนี้ย่อมท าให้เกิดแรงจูงใจให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการเก็บภาษีมากขึ้น
                         (4)   หลักการประหยัด (Economy) หมายถึง การประหยัดด้านการบริหารจัดเก็บ

                         (5) หลักท ารายได้ดี (Productivity) รัฐบาลควรจะเก็บแต่เฉพาะภาษีอากรประเภทที่ สามารถท ารายได้
               ได้ดี ไม่ควรเก็บภาษีหลายประเภทจนเป็นการจุกจิกน่าร าคาญในหมู่ประชาชน
                         (6)    หลักความยืดหยุด (Flexibility) ระบบภาษีที่ดีควรจะเป็นการควบคุมภาวะเศรษฐกิจได้เพื่อไม่ให้

               รุ่งเรืองเกินไปหรือตกต่ าเกินไป
                     3.) ประเภทของภาษีอากร

                         เราสามารถแบ่งประเภทของภาษีอากรได้  2  วิธี  คือ  แบ่งตามหลักการผลักภาระภาษีและแบ่งตาม
               ลักษณะของฐานะภาษี

                           (1) ประเภทของภาษีตามหลักการผลักภาระภาษี มี 2 ประเภท คือ
                             ก.   ภาษีทางตรง  (Direct  Tax)  คือ  ภาษีอากรซึ่งผู้มีหน้าที่เสียตามกฎหมายต้องรับภาระภาษีไว้

                                 เพราะไม่สามารถผลักภาระภาษีไปให้บุคคลอื่นได้  และภาษีที่เรียกเก็บจากฐานของรายได้และ
                                 ทรัพย์สิน เช่น ภาษีเงินได้บุคคลธรรดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีทรัพย์สิน ภาษีมรดก ภาษี
                                 การให้โดยเสน่หา

                             ข.  ภาษีทางอ้อม  (Indirect  Tax)  คือ  ภาษีอากรซึ่งผู้มีหน้าที่สียตามกฎหมายสามารถผลักภาระ
                                 ภาษีไปให้บุคคลอื่นได้ทั้งหมด หรือเพียงบางส่วน เป็นภาษีที่เรียกเก็บจากการขายและซื้อ เช่น

                                 ภาษีศุลกากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม
                           (2) ประเภทของภาษีอากรตามลักษณะของฐานภาษี มี 3 ประเภท

                              ก.  ภาษีที่เก็บจากเงินได้ ได้แก่ ภาษีเงินบุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม
                                  ของทรัพย์สิน


                                                                           บทที่ 10 การคลังรัฐบาลและนโยบายการคลัง
   1   2   3   4   5   6   7   8