Page 10 - การเลี้ยงไก่แจ้สวยงาม
P. 10
7
เนื้อหำหลักสูตร
1. ควำมส ำคัญและประโยชน์ของกำรเลี้ยงไก่แจ้สวยงำม
1.1 ควำมส ำคัญของกำรเลี้ยงไก่แจ้สวยงำม
ื้
ไก่แจ้ เป็นไก่พนเมืองชนิดหนึ่ง (Domestic Fowl) จัดอยู่ในประเภทสัตว์สวยงาม อยู่คู่
สังคมไทยมาเป็นเวลานาน วัตถุประสงค์ของการเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน ความสวยงาม และความสุขใจของ
ผู้เลี้ยง เดิมเป็นไก่ป่าที่มีความปราดเปรียว ขี้ระแวง เข้าใกล้ไม่ได้ แต่เพราะมีขนสวยงาม ลักษณะที่น่ารัก และ
ุ้
ั
ั
การเลี้ยงไม่ยุ่งยาก ท าให้เกิดการพฒนาสายพนธุ์ให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้เลี้ยงได้ จับต้องได้ และอมได้ โดยมี
ั
การพฒนาต่อเนื่องมาไม่ต่ ากว่า 30 ปี จนสามารถพฒนาไก่แจ้ไทยได้ถึง 12 สี โดยมีความสวยงามตาม
ั
ั
มาตรฐานสากล สายพนธุ์ไก่แจ้ในประเทศไทย ไก่แจ้ตรงกับภาษาองกฤษว่า Bantams ไก่แจ้ที่เราเลี้ยงกันอยู่
ั
ในประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพนธุ์ คือ ไก่แจ้ไทย ไม่มีหลักฐานบันทึกที่แน่นอนแต่เชื่อว่าไก่แจ้ไทยมีมานานแล้ว
ั
เพราะว่าไก่ที่เราเลี้ยงอยู่ในปัจจุบันนี้มีวิวัฒนาการมาจากไก่ป่า 4 ชนิด คือ ไก่ป่าสีแดง (Red jungle fowl) ไก่
ป่าสีเทา (Gray jungle fowl) ไกป่าชวา(Java jungle fowl) ไก่ป่าซีลอน (Ceylones jungle fowl) ไกป่า
ั
ทั้ง 4 ชนิดนี้เป็นต้นก าเนิดของไก่พนธุ์ต่างๆที่เราเลี้ยงกันในปัจจุบันทั่วโลก ไก่แจ้ญี่ปุ่น ตามประวัติประมาณปี
ั
พ.ศ.2146-2176 ญี่ปุ่นได้น าเอาไก่แจ้จากตอนใต้ของประเทศจีนไปพฒนาสายพนธุ์โดยน าเอาไก่แจ้ไปจาก
ั
ื่
คาบสมุทรอนโดจีนเพอไปปรับปรุงสายพนธุ์ได้น าเข้าไปเลี้ยงในประเทศองกฤษและอเมริกาประมาณปีพ.ศ.
ั
ั
ิ
ั
2367 ในปัจจุบันพันธุ์ไก่แจ้ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยส่วนมากเป็นพนธุ์ไก่แจ้ญี่ปุ่นมีผู้น าเข้ามาเลี้ยงในประเทศ
ไทยประมาณ 25-30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรานิยมเรียกว่า ไก่แจ้ญี่ปุ่นเลือดร้อน และมีราคาแพงไก่แจ้เป็นสัตว์ปีก
ประเภทหนึ่งที่มีถิ่นก าเนิดอยู่ในป่าไก่แจ้แบบสากลในแถบยุโรปและอเมริกาเรียกว่า Japannese Bantams
1.2 ประโยชน์ของกำรเลี้ยงไก่แจ้
ผู้เลี้ยงมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการท าร่วมกับงานเกษตรกรรมชนิดอื่นๆ สามารถท าเป็นอาชีพหรือ
กึ่งอาชีพได้แขนงหนึ่ง มีผลตอบแทนเร็ว และมีโอกาสขยายงานได้มาก หรือคนเลี้ยงไก่แจ้ใช้เวลาประมาณ ๘-๙
สัปดาห์ ก็ขายได้ เลี้ยงไก่ไข่ใช้เวลาเลี้ยงจากอายุ ๑ วันถึง ๒๒ สัปดาห์ก็เริ่มให้ไข่ นอกจากนั้นเป็นการช่วยฝึก
เด็ก คนว่างงาน และบุคคลทุพพลภาพบางประเภทให้มีงานท า ช่วยสร้างนิสัยแก่เด็ก ให้เป็นคนเอางานเอาการ
และมีจิตใจรักสัตว์ และมูลไก่สามารถน าไปใช้เป็นปุ๋ยคอกได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ดินซึ่งไม่เหมาะแก่การปลูกพช
ื
หรือเลี้ยงสัตว์อย่างอื่นให้เป็นประโยชน์มากขึ้น เป็นการลดรายจ่ายในการซื้อปุ๋ยเคมีส าหรับใส่พืชผลด้วย

