Page 77 - 02 รายงานวิชาการจังหวัดกระบี่2564
P. 77

- 55 -


                                                                                 ื่
                                                                                    ี่
                                                                                                        
                              (4) แรชนิดเมฟก (mafic) แรสเขม (dark-coloured) และแรอนทเกี่ยวของกัน: แรชนิดเมฟก
                                                                                          
                                                        ี
                   หรือแรสีเขมในชุดปฏิกิริยาของโบเวนประกอบดวย แรจำพวกโอลิวีน (olivine) ไพร็อกซีน (pyroxene)
                                                            
                                                                               
                                                              ั
                                                   ั
                             
                                                                       ั
                   และแอมฟโบล (amphibole) โดยมกพบในหินอคนีชนิดอลตราเมฟก (ultramafic igneous rock)
                   ไดแก หินดนไนท (dunite) หินเพอริโดไทต (peridotite) และหินอคนีชนิดเมฟก (mafic igneous rock)
                                                                           ั
                                                                                    
                     
                            ั
                                 
                                                       
                   ไดแก หินบะซอลต (basalt) และหินแกบโบร (gabbro)
                                                                                     ี
                              (5) แรดินเหนียว (clay minerals): แรดนเหนียวจัดเปนแรทมการเกิดแบบทตยภูมิ
                                                                   ิ
                                                                                                    ุ
                                                                                                     ิ
                                                                                       ี
                                                                                     ่
                   (secondary mineral) กลาวคือ เกดจากการเปลี่ยนสภาพ (alteration) ของแรเดิมในหินจากการผุพง
                                                 ิ
                                                                                                         ั
                   ทางเคมของหิน (chemical weathering) ใหเกิดเปนแรใหม ตวอยางเชน แรเฟลดสปารทมีการผุพัง
                                                                         ั
                                                                                                 ี
                                                                                                 ่
                          ี
                   ทางเคมแลวเปลียนสภาพเปนแรดนขาว (kaolinite) โดยการผุพงนี้สามารถพบไดในหินทุกชนิด
                                                                             ั
                          ี
                                  ่
                                                  ิ
                   ที่อยูในลักษณะภูมิอากาศแบบรอนชื้น และแรดินเหนียวโดยสวนใหญพบเปนแรประกอบหินในหินตะกอน
                   ที่มีเนื้อคอนขางละเอียด ซึ่งมักพบมากในหินโคลน และหินดินดาน
                                                                  
                                                                         ่
                                                                         ี
                              (6) คารบอเนต (carbonates): ประกอบดวย แรทมองคประกอบเปนคารบอเนต (CO 3)
                                                                               
                                                                           ี
                                                                                  
                                                                                               ั
                                                           
                   เปนหลัก เชน แคลไซต (calcite) อะราโกไนต (aragonite) และโดโลไมต (dolomite) มกพบมากใน
                                                                                       ึ
                   หินตะกอนที่ตกผลึกจากสารละลายเคมีและชีวเคมี ไดแก หินปูน หินโดโลไมต รวมถงหินแปรอยางหินออน
                                               ื
                                                                           ั
                              (7) วัตถุจำพวกเกลอกินระเหย (salt, evaporite) วตถจำพวกเนือปนซิลกา (siliceous
                                                                              ุ
                                                                                             ิ
                                                                                      ้
                   materials) และวัตถจำพวกเนื้อปนคารบอเนต (carbonaceous materials): วัตถุจำพวกเกลือหิน
                                      ุ
                                                                                                ้
                                                      ั
                                                      ่
                   ระเหยซ่งเกิดจากสารละลายเกลือ โดยทวไปจะไมพบโผลปรากฏบนผิวดิน วัตถุจำพวกเนือปนซิลิกา
                          ึ
                                                       ี
                                                                                                 ี่
                        ั
                                                                                          ู
                                                                                         ี่
                                                       ่
                                                                                                      ิ
                   โดยท่วไปมักพบเปนลักษณะหินท่ถูกแทนทดวยซิลิกา (silicification) เชน หินปูนทถกแทนทดวยซลิกา
                                               ี
                   (silicified limestone) สวนวัตถุจำพวกคารบอเนต โดยท่วไปมักพบในหินท่เกิดในสภาพแวดลอมรวมกบ
                                                                   ั
                                                                                  ี
                                                                                                        ั
                                                ้
                   หินคารบอเนต เชน หินดนดานเนือคารบอเนต (carbonaceous shale) และหินโคลนเนือคารบอเนต
                                         ิ
                                                                                               ้
                   (carbonaceous mudstone) เปนตน
                              (8) แกว (glass): เปนเนื้อหินทีมลักษณะเปนแกว มีแกวเปนองคประกอบ โดยท่วไปมักพบ
                                                                                                 ั
                                                         ่
                                                          ี
                   เห็นไดไมมากนัก สวนใหญพบในหินอัคนีพุที่เย็นตัวบนผิวโลกอยางรวดเร็ว เชน หินออบซิเดียน (obsidian)
                   4.3 การจัดการขอมูล
                                     
                                                                       
                              ขอมูลพ้นฐานเบื้องตนจะถูกทำใหอยูในระบบขอมลสารสนเทศภูมิศาสตร ประกอบดวย
                                
                                                                                                       
                                                                         ู
                                     ื
                       ู
                    
                         
                                                                                 ู
                   ขอมลดานธรณวิทยา ขอมลธรณโครงสราง ขอมูลลักษณะภูมประเทศ ขอมลแบบจำลองระดับสูงเชิงเลข
                                ี
                                                                      ิ
                                              ี
                                         ู
                                                                                   ึ
                                                                                                        ็
                                                                                        ู
                                                                                               ้
                   ปริมาณน้ำฝน การใชประโยชนทดิน และตำแหนงรองรอยดินถลมในอดีต ซ่งขอมลเหลานีจะถูกจัดเกบ
                                               ่
                                               ี
                                                     
                                                        ู
                   อยูในลักษณะเปนกริด (raster data) คอ ขอมลทมโครงสรางเปนชองเหลียม เรียกวา จุดภาพ หรือ grid cell
                                                  ื
                     
                                                                              ่
                                                          ี
                                                          ่
                                                            ี
                                      ั
                               
                                                                         ี
                                                             ึ่
                                                                                                        ู
                                                               ี
                                  ่
                                                                                                      
                   ท่มการเรียงตอเนืองกนในแนวราบและแนวดง ซงมความละเอยด 10x10 เมตร และในรูปแบบขอมล
                                                          ิ
                                                          ่
                    ี
                      ี
                                                                                                       ้
                                   ู
                   เชิงเสนสำหรับขอมลรองรอยดินถลม ท้งนี้การวิเคราะห การประมวลผล และการแสดงผลขอมลเชิงพนท ่ ี
                                                                                                       ื
                                                    ั
                                
                                                                                               
                                                                                                 ู
                   จะอยูในรูปแบบระบบสารสนเทศภูมศาสตร ดังตารางท 4.4
                                                 ิ
                                                                ี่
                        
   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82