Page 104 - 02 รายงานวิชาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
P. 104

- 82 -




                          5.2.3 ทิศทางการไหลของน้ำ (Flow direction)


                                                                            ิ
                                                       
                                                              ี่
                              ทิศทางการไหลของน้ำ เปนปจจัยที่เกยวของกับการเกดดินถลม บงบอกถึงทิศทางการไหล
                                               ื้
                   ของทางน้ำ และการกดเซาะในพนที่ ทิศทางการไหลของน้ำ สามารถแบงออกเปน 8 กลุม มีระยะหาง
                                      ั
                   แตละกลุม 45 องศา คือ 1) ทิศตะวันออก (90 deg)  2) ทิศตะวันออกเฉียงใต (135 deg) 3) ทิศใต
                                                                                                  ี
                   (180 deg) 4) ทิศตะวันตกเฉยงใต (225 deg) 5) ทิศตะวันตก (270 deg) 6) ทิศตะวันตกเฉยงเหนือ
                                            ี
                   (315 deg) 7) ทิศเหนือ (0 deg) และ 8) ทิศตะวันออกเฉยงเหนือ (45 deg) (รูปที่ 5.4) จากการ
                                                                      ี
                                                                            ั
                   เปรียบเทียบกบรองรอยดินถลมพบวาทิศทางน้ำไหลที่มีความสัมพนธตอการเกดดินถลม (Fr ≥ 1) คือ
                               ั
                                                                                      ิ
                   ทิศตะวันออกเฉียงใต (Fr = 2.50) ทิศใต (Fr = 1.38) ทิศตะวันออก (Fr = 1.30) และทิศตะวันตกเฉียงใต
                   (Fr = 1.02) ตามลำดับ


                          5.2.4 ระยะหางจากโครงสรางทางธรณีวิทยา (The distance to structure)


                                                                       ี
                                                                                                         ั
                              โครงสรางทางธรณีวิทยาเปนปจจัยที่สงผลกับเสถยรภาพของชั้นดิน/หิน ที่แสดงถงการผุพง
                                                                                                  ึ
                                                                                            ั
                                                                                                       ี
                   เนื่องจากมีกลุมรอยเลื่อนระนอง และกลุมแนวแตกพาดผานในพนที่จังหวัดประจวบคีรีขนธ (รายละเอยด
                                                                        ื้
                   เพมเติมหัวขอที่ 3.5 บทที่ 3) ระยะหางจากโครงสรางทางธรณีวิทยาแบงออกเปน 16 ชวง มีระยะหาง
                     ิ่
                                                     ื้
                   แตละชวง 200 เมตร (รูปที่ 5.5) พบวาพนที่ทอยูใกลบริเวณโครงสรางทางธรณีวิทยาและมีระยะหางไม
                                                          ี่
                   เกน 1,200 เมตร มีความสัมพนธอยางมีนัยสำคัญกับการกระจายตัวของรองรอยดินถลม (Fr ≥ 1)
                     ิ
                                              ั
                                                        ั
                   โดยมีความสัมพนธระหวางรองรอยดินถลมกบระยะหางระหวาง 200-400 เมตร (Fr = 1.44) ระยะหาง
                                ั
                                                       
                   ระหวาง 0-200 เมตร (Fr = 1.27) ระยะหางระหวาง 400-600 เมตร (Fr = 1.16) ระยะหางระหวาง
                   1,000-1,200 เมตร (Fr = 1.12) ระยะหางระหวาง 800-1,000 เมตร (Fr = 1.05) และระยะหางระหวาง
                   600-800 เมตร (Fr = 1.02) ตามลำดับ

                          5.2.5 ระดับความสูง (Elevation)


                              ระดับความสูงของพนทจังหวัดประจวบคีรีขันธถูกจำแนกออกเปน 7 ชวง มีระยะหางแตละ
                                               ื้
                                                  ี่
                                                                   ื้
                                                                                ี่
                                            ื่
                   ชวง 200 เมตร (รูปที่ 5.6) เพอใหเห็นความแตกตางของพนที่ พบวาพื้นทที่อยูในชวงระดับความสูงตั้งแต
                   200-1,000 เมตร มีความสัมพนธอยางมนัยสำคัญกบการกระจายตัวของรองรอยดินถลม (Fr ≥ 1) โดยมี
                                            ั
                                                              ั
                                                     ี
                            ั
                   ความสัมพนธสูงสุดระหวางรองรอยดินถลมกับระดับความสูง 600 – 800 เมตร (Fr = 3.30) ระดับความ
                   สูง 200 – 400 เมตร (Fr = 2.78) ระดับความสูง 400 – 600 เมตร (Fr = 2.57) และระดับความสูง 800
                   – 1,000 เมตร (Fr = 2.18) ตามลำดับ
   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109