Page 108 - 02 รายงานวิชาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
P. 108

- 86 -



                      5.2.6 ความลาดชัน (Slope)


                           มุมของความลาดชัน (Slope angle) เปนปจจัยหลักของการวิเคราะหเสถียรภาพความลาดชัน
                                                          
               (Lee and Min, 2001) ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธแบงความลาดชันออกเปน 8 ชวง มีระยะหางแตละ
               ชวง 10 องศา มีความลาดชันตั้งแต 0-80 องศา (รูปที่ 5.7) พบวาพื้นที่ที่มีความลาดชันที่อยูในชวงตั้งแต

               10–60 องศา มีความสัมพนธอยางมีนัยสำคัญกบการกระจายตัวของรองรอยดินถลม (Fr ≥ 1)
                                                           ั
                                        ั
                             ั
               โดยมีความสัมพนธระหวางรองรอยดินถลมกบความลาดชัน 40-50 องศา (Fr = 4.93) ความลาดชัน 30-
                                                    ั
               40 องศา (Fr = 3.97) ความลาดชัน 20-30 องศา (Fr = 2.66) ความลาดชัน 50-60 องศา (Fr = 2.50)
               และความลาดชัน 10-20 องศา (Fr = 1.50) ตามลำดับ อยางไรก็ตามพบวาพนทที่มีความลาดชันสูงกวา
                                                                                   ี่
                                                                                ื้
                                                         ื้
                                                                         ิ
                                                                             ็
               60 องศา ไมพบรองรอยดินถลม เนื่องจากเปนพนที่ที่รองรับดวยหนแขงเปนสวนใหญ มีความคงทน
               แข็งแรง และใหชั้นดินนอย
                      5.2.7 การใชประโยชนที่ดิน (Land use)


                           การใชประโยชนที่ดินหรือลักษณะของสิ่งปกคลุมดินเปนปจจัยที่สงผลตอเสถียรภาพของ
                                                                         
               ชั้นดิน/หิน และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการไหลของน้ำบริเวณผิวดิน ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขนธแบง
                                                                                                ั
                                                                                ื้
               ลักษณะการใชประโยชนที่ดินออกเปน 8 กลุม คือ 1) แหลงน้ำ (Water) 2) พนที่ปามีตนไมใหญ (Trees)
                                              
                                                ื้
                        
               3) ทุงหญา (Grass) 4) พืชพรรณในพนที่ลุมน้ำทวมถึง (Flooded Vegetation) 5) พื้นที่เกษตรกรรม
                                                                                         ื
               (Crops) 6) พุมไม (Scrub/Shrub) 7) สิ่งปลูกสราง (Built Area) และ 8) พื้นที่โลงไมมีพชพรรณใบเขยว
                                                                                                    ี
                                                            ั
               (Bare Ground) (รูปที่ 5.8) จากการเปรียบเทียบกบรองรอยดินถลม พบวาการใชประโยชนที่ดิน
               ที่มีความสัมพันธตอการเกิดดินถลม (Fr ≥ 1) คือ พื้นที่ปามีตนไมใหญ (Trees) (Fr = 1.80)
   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112   113