Page 81 - 02 รายงานวิชาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
P. 81
- 59 -
ี
ิ
(5) แรดินเหนียว (clay minerals): แรดนเหนียวจัดเปนแรทมการเกดแบบทุติยภูม
ิ
ิ
ี
่
ั
(secondary mineral) กลาวคือ เกิดจากการเปลี่ยนสภาพ (alteration) ของแรเดิมในหินจากการผุพง
ี
่
ั
ทางเคมของหิน (chemical weathering) ใหเกิดเปนแรใหม ตัวอยางเชน แรเฟลดสปารทีมการผุพง
ี
ทางเคมแลวเปลียนสภาพเปนแรดนขาว (kaolinite) โดยการผุพังนี้สามารถพบไดในหินทุกชนิด
ิ
่
ี
ที่อยูในลักษณะภูมอากาศแบบรอนชื้น และแรดินเหนียวโดยสวนใหญพบเปนแรประกอบหินในหินตะกอน
ิ
ที่มีเนื้อคอนขางละเอียด ซึ่งมักพบมากในหินโคลน และหินดินดาน
(6) คารบอเนต (carbonates): ประกอบดวย แรทมองคประกอบเปนคารบอเนต (CO )
ี
่
ี
3
ั
เปนหลัก เชน แคลไซต (calcite) อะราโกไนต (aragonite) และโดโลไมต (dolomite) มกพบมากใน
หินตะกอนที่ตกผลึกจากสารละลายเคมีและชีวเคมี ไดแก หินปูน หินโดโลไมต รวมถึงหินแปรอยางหินออน
ั
ั
ุ
ิ
ื
ิ
(7) วตถจำพวกเกลอกนระเหย (salt, evaporite) วตถุจำพวกเนื้อปนซิลกา (siliceous
้
ุ
materials) และวัตถุจำพวกเนือปนคารบอเนต (carbonaceous materials): วัตถจำพวกเกลือหิน
ิ
ั
่
ระเหยซงเกดจากสารละลายเกลือ โดยท่วไปจะไมพบโผลปรากฏบนผิวดิน วัตถุจำพวกเนื้อปนซิลิกา
ึ
ู
ี่
ี
่
ั
ิ
โดยท่วไปมักพบเปนลักษณะหินทถูกแทนทดวยซิลิกา (silicification) เชน หินปูนทถกแทนทดวยซลิกา
ี่
่
ี
ั
ี
ั
(silicified limestone) สวนวัตถุจำพวกคารบอเนต โดยท่วไปมักพบในหินท่เกิดในสภาพแวดลอมรวมกบ
หินคารบอเนต เชน หินดินดานเนือคารบอเนต (carbonaceous shale) และหินโคลนเนือคารบอเนต
้
้
(carbonaceous mudstone) เปนตน
ั
(8) แกว (glass): เปนเนื้อหินทีมลักษณะเปนแกว มีแกวเปนองคประกอบ โดยท่วไปมักพบ
ี
่
เห็นไดไมมากนัก สวนใหญพบในหินอัคนีพุที่เย็นตัวบนผิวโลกอยางรวดเร็ว เชน หินออบซิเดียน (obsidian)
4.3 การจัดการขอมูล
ู
ิ
ื
ู
ู
ขอมลพนฐานเบืองตนจะถกทำใหอยูในระบบขอมลสารสนเทศภูมศาสตร ประกอบดวย
้
้
ั
ี
ขอมูลดานธรณีวิทยา ขอมูลธรณโครงสราง ขอมูลลักษณะภูมประเทศ ขอมูลแบบจำลองระดบสูงเชิงเลข
ิ
็
ึ
ปริมาณน้ำฝน การใชประโยชนท่ดิน และตำแหนงรองรอยดินถลมในอดีต ซ่งขอมูลเหลานี้จะถูกจัดเกบ
ี
อยูในลักษณะเปนกริด (raster data) คอ ขอมลทมโครงสรางเปนชองเหลียม เรียกวา จุดภาพ หรือ grid cell
ู
่
ื
่
ี
ี
ั
ี
ู
ี
่
่
ิ
ึ
ท่มการเรียงตอเนืองกนในแนวราบและแนวดง ซ่งมีความละเอียด 10x10 เมตร และในรูปแบบขอมล
้
้
เชิงเสนสำหรับขอมูลรองรอยดนถลม ทังนีการวิเคราะห การประมวลผล และการแสดงผลขอมูลเชิงพืนที ่
้
ิ
ี่
จะอยูในรูปแบบระบบสารสนเทศภูมศาสตร ดังตารางท 4.4
ิ

