Page 205 - วิทยาศาสตร์ ม.ปลาย
P. 205
197
การนาํ ยางธรรมชาติไปใชง้ านมีอยู่ รูปแบบคือ รูปแบบนาํ ยาง และรูปแบบยางแหง้ ในรูปแบบนาํ
ยางนนั นาํ ยางสดจะถกู นาํ มาแยกนาํ ออกเพือเพมิ ความเขม้ ขน้ ของเนือยางขนั ตอนหนึงก่อนดว้ ยวิธีการต่าง ๆ
แต่ทีนิยมใชใ้ นอตุ หสาหกรรมคือการใชเ้ ครืองเซนตริฟิ วส์ ในขณะทีการเตรียมยางแห้งนันมกั จะใชว้ ิธีการ
ใส่กรดอะซิติกลงในนาํ ยางสด การใส่กรดอะซิติกเจือจางลงในนาํ ยาง ทาํ ใหน้ าํ ยางจบั ตวั เป็ นกอ้ น เกิดการ
แยกชนั ระหวา่ งเนือยางและนาํ ส่วนนาํ ทีปนอย่ใู นยางจะถูกกาํ จดั ออกไปโดยการรีดดว้ ยลูกกลิง ลกู กลิง
วิธีการหลกั ๆ ทีจะทาํ ใหย้ างแหง้ สนิทมี วิธีคือ การรมควนั ยาง และการทาํ ยางเครพ แต่เนืองจากยางผลิต
ไดม้ าจากเกษตรกรจากแหล่งทีแตกต่างกนั ทาํ ใหต้ อ้ งมีการแบ่งชนั ของยางตามความบริสุทธิของยางนนั ๆ
รูปแบบของยางธรรมชาติ
ยางธรรมชาติสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลกั ษณะรูปแบบของยางดิบ ไดแ้ ก่
นาํ ยาง
o นาํ ยางสด
o นาํ ยางขน้
ยางแผน่ ผงึ แหง้ : ยางทีไดจ้ ากการนาํ นาํ ยางมาจบั ตวั เป็ นแผ่นโดยสารเคมีทีใชจ้ ะตอ้ งตามเกณฑ์ที
กาํ หนด ส่วนการทาํ ใหแ้ หง้ อาจใชว้ ิธีการผงึ ลมในทีร่ม หรือ อบในโรงอบก็ไดแ้ ต่ตอ้ งปราศจากควนั
ยางแผน่ รมควนั
ยางเครพ
ยางแท่ง : ก่อนปี ยางธรรมชาติทีผลติ ขึนมา ส่วนใหญ่จะผลติ ในรูปของยางแผน่ รมควนั
ยางเครพ หรือนาํ ยางขน้ ซึงยางธรรมชาติเหล่านีจะไม่มีการระบุมาตรฐานการจดั ชนั ยางทีชดั เจน
ตามปกติจะใช้สายตาในการพิจารณาตัดสินชนั ยาง ต่อมาในปี สถาบันวิจยั ยางมาเลเซีย
(Rubber Research Institute of Malaysia) ได้มีการผลิตยางแท่งขึนเป็ นแห่งแรก เพือเป็ นการ
ปรับปรุงและพฒั นาคุณภาพของยางธรรมชาติใหไ้ ดม้ าตรฐาน เหมาะสมกบั การใชง้ าน จนทาํ ให้ยาง
แท่งเป็นยางธรรมชาติชนิดแรกทีผลติ มาโดยมีการควบคุมคุณภาพใหไ้ ดม้ าตรฐาน ตลอดจนมีการ
ระบุคุณภาพของยางดิบทีผลติ ไดแ้ น่นอน
ยางแท่งความหนืดคงที : เป็นยางทีผลิตขึน เพือใชใ้ นอุตสาหกรรมทาํ ผลิตภณั ฑ์ทีตอ้ งการควบคุม
ความหนืดของยางทีใชใ้ นการแปรรูป เช่น อตุ สาหกรรมยางท่อ อตุ สาหกรรมทาํ กาว
ยางสกิม : ยางสกิมเป็นยางธรรมชาติทีไดจ้ ากการจบั ตวั นาํ ยางสกิม (skim latex) ดว้ ยกรดแลว้ นาํ ยาง
ทีไดไ้ ปทาํ การรีดแผน่ และทาํ ใหแ้ หง้ โดยนาํ ยางสกิมเป็นนาํ ส่วนทีเหลอื จากการทาํ นาํ ยางขน้
ดว้ ยการนาํ นาํ ยางสดมาทาํ การเซนตริฟิ วส์ แยกอนุภาคเมด็ ยางออกจากนาํ ซึงอนุภาคเมด็ ยางเบากว่า
นาํ ส่วนใหญ่จึงแยกตวั ออกไปเป็นนาํ ยางขน้ นาํ ยางขน้ ทีไดม้ ีปริมาณเนือยางอยรู่ ้อยละ –

