Page 6 - วารสาร รพ.สุรินทร์ เล่ม 33
P. 6
ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความส�าคัญกับการดูแลสุขภาพและ
ื
ี
ี
้
คุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ในปี 2562 น้ กระทรวงสาธารณสุขได้มอบของขวัญท่เน้นการสร้างสุขภาพ ลดความเหล่อมลา
�
ื
ิ
ี
�
ั
เพ่มการเข้าถึงบริการ โดยเฉพาะในพ้นท่ห่างไกล ทุรกันดาร โดยร่วมกับหน่วยงานท้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีการดาเนินการ ดังน ้ ี
1.โครงการบูรณาการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อดูแลประชาชนอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บรมนาถบพิตร และถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชน
ในถิ่นทุรกันดาร 878 อ�าเภอทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร ได้เข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต
ิ
�
ี
ื
ื
ื
�
ั
�
ี
การแนะนาฝึกอาชีพ และบริการอ่นๆ ตามบริบทของพ้นท่ เร่มดาเนินการเม่อวันท่ 11 ธันวาคม 2561 ดาเนินการอาเภอละ 2 คร้ง
�
2.การเพิ่มสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ส�าหรับผู้ป่วยโรคลมชักก่อนเริ่มให้ยารักษา โดยการตรวจ
ี
ยีนท่เป็นปัจจัยเส่ยงสาคัญต่อการแพ้ยากันชัก “คาร์บามาซีปีน” (Carbamazepine) ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับยาอย่างปลอดภัย
�
ี
ิ
ิ
ั
ิ
์
ุ
ี
ิ
ื
ลดโอกาสความพการและเสยชีวตจากการเกดผนแพยารนแรง ชนดกล่มสตเวนส จอห์นสน ซนโดรม (Steven-Johnson Syndrome
ี
ิ
้
ุ
่
: SJS) และท็อกซิก อีพิเดอร์มัล เนโครไลซิส (Toxic Epidermal Necrolysis : TEN) ที่มีการหลุดลอกของผิวหนังและเยื่อเมือกบุ
อวัยวะภายในต่างๆ ซึ่งพบมากในประเทศมาเลเซียและไทย โดยในช่วง 10 ปี (พ.ศ. 2545-2554) ส�านักงานคณะกรรมการอาหาร
และยา (อย.) ได้รับรายงานผู้ป่วยที่มีผื่นแพ้ยารุนแรงราว 5,000 ราย เกิดจากยาคาร์บามาซีปีน ปีละประมาณ 160 - 180 ราย
และคาดว่าในปี 2562 มีผู้ป่วยโรคลมชักที่ต้องได้รับการตรวจยีน 29,534 ราย ใช้งบประมาณในการตรวจ 29.53 ล้านบาท โดยจะ
ลดจ�านวนผู้ป่วยที่เกิดผื่นแพ้ยารุนแรงจากยาคาร์บามาซีปีน และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาได้ถึง 256.18 ล้านบาท
3.โครงการจัดทาบัตร “Smart Card อสม.” กระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบการเบิกจ่ายเงินค่าป่วยการของอสม. ผ่าน
�
ระบบ e-Payment เพื่อโอนเงินค่าป่วยการเข้าบัญชีธนาคารของอสม. ที่มีทั้งหมด 1,039,729 คน ใน 76 จังหวัด รวมทั้งเชื่อมโยง
เข้าสู่ระบบ Official line @Smart อสม. เป็นช่องทางในการส่อสาร ข้อมูล และองค์ความรู้ด้านสุขภาพ ให้กับ อสม. นาไปถ่ายทอด
ื
�
ความรู้ที่ถูกต้อง สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) ให้กับประชาชนโดยตรง ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความส�าคัญ
ในการพัฒนาศักยภาพ อสม. เป็น อสม. 4.0 ซึ่งเป็นก�าลังส�าคัญในการดูแลสุขภาพประชาชนและแก้ไขปัญหาสุขภาพในพื้นที่ร่วม
กับเครือข่ายสุขภาพ
ข้อมูลจาก : ส�านักสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข
เรียบเรียง : ชนิดาภา ผ่องใส
4

