Page 16 - วารสารโรงพยาบาลสุรินทร์#10
P. 16

กฎหมายเพื่อชีวิต               คดีมาฟ้องต่อศาลปกครองในวันที่  ๒๒  สิงหาคม  ๒๕๔๕
                                                              จึงเป็นการฟ้องคดีเมื่อพ้นกำาหนดระยะเวลาตามที่กำาหนดไว้
                                         โดย..สันติ  มุ่งสันติ  ในมาตรา  ๕๑  แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว  จึงมีคำาสั่งไม่

                                                              รับคำาฟ้องนี้ไว้พิจารณาและให้จำาหน่ายคดีออกจากสาระบบ
                                กรณีพิพาทที่จะฟ้องต่อศาล      ความ รวมทั้งให้คืนเงินค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดแก่ผู้ฟ้องคด ี
                         ปกครองได้อีกอย่างหนึ่งคือคดีพิพาท           ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่า   สิทธิในการนำาคดีมาฟ้องต่อ
                         เกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง       ซึ่ง   ศาลยังไม่พ้นกำาหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่ง

      หมายความรวมถึง      สัญญาที่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายใดฝ่าย  การฟ้องคดีตามมาตรา  ๕๑  แห่ง  พ.ร.บ.  จัดตั้งศาลปก
      หนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซึ่งกระทำาการ    ครองฯ  เนื่องจากการเลิกจ้างของส่วนราชการไม่ว่าจะเป็น
      แทนรัฐและมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน  สัญญาที่ให้จัด       ลูกจ้างชั่วคราวหรือลูกจ้างประจำาก็ตามระเบียบที่จะต้องใช้
      ทำาบริการสาธารณะหรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวง     คือ  ระเบียบกรมการแพทย์  ว่าด้วยการจ้างลูกจ้างชั่วคราว
      ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ        นั่นคือสัญญาจ้าง     ด้วยเงินบำารุง พ.ศ. ๒๕๒๗  แต่ในการออกคำาสั่งเลิกจ้างผ ู้
      ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำาแหน่งเจ้า  ฟ้องคดี ไม่มีการดำาเนินการตามระเบียบดังกล่าว จึงเป็นการ

      หน้าที่กู้ชีพ  ซึ่งเกี่ยวข้องกับภารกิจให้บริการด้านการรักษา  ออกคำาสั่งโดยไม่ชอบด้วยระเบียบฉบับดังกล่าว  จึงถือว่าคา
                                                                                                                 ำ
      พยาบาล  เป็นสัญญาที่ให้เอกชนเข้าดำาเนินงานหรือเข้าร่วม  สั่งนั้นไม่มีผลและจะต้องเพิกถอนคำาสั่งดังกล่าวต่อไป  (ตรง
      ดำาเนินงานบริการสาธารณะอันเป็นสัญญาทางปกครองที่จะ       จุดนี้เป็นจุดที่ผู้ฟ้องคดีมักจะเข้าใจผิดอยู่เป็นประจำาว่าเมื่อตน
      ฟ้องต่อศาลปกครองถ้าฟ้องเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับการกระ   เข้าใจว่าเป็นคำาสั่งที่มิชอบจึงต้องไม่เริ่มนับระยะเวลาการฟ้อง
      ทำาละเมิดต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุ  คดี ซึ่งต้องเข้าใจว่าคำาสั่งที่มีมาแล้ว คำาสั่งทางปกครองย่อมม ี
      แห่งการฟ้องคดีในครั้งแรกตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ          ผลตราบเท่าที่ยังไม่มีการเพิกถอนหรือสิ้นผลลงโดยเงื่อนเวลา
             ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า  ผู้ฟ้องคดีเป็นอดีตลูกจ้างชั่วคราว  หรือโดยเหตุอื่น ตามมาตรา ๔๒ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ
      รายปีด้วยเงินประกันสังคม  ตำาแหน่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพในโรง  ราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้เขียน) ดังนั้น จะถือ
      พยาบาล ต่อมามีคำาสั่งเลิกจ้างผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า การ  เอาระยะเวลาที่ผู้ฟ้องคดีได้รับทราบคำาสั่งดังกล่าวเมื่อวันที่

      ออกคำาสั่งดังกล่าวเป็นการออกคำาสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย  ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ มาเป็นระยะเวลาเริ่มต้นของการนับ
      และไม่ถูกต้องตามระเบียบกรมการแพทย์     ว่าด้วยการจ้าง   อายุความฟ้องคดีต่อศาลปกครองไม่ได้ นอกจากนี้ ผู้ฟ้องคด ี
      ลูกจ้างชั่วคราวด้วยเงินบำารุง พ.ศ. ๒๕๒๗ ผู้ฟ้องคดีจึงได้  ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา ๔๒ วรรค
      ทำาหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังผู้อำานวยการโรงพยาบาล      สอง  แห่งพระราชบัญญัติข้างต้น  (การฟ้องเกี่ยวกับสัญญา
      ซึ่งต่อมาได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕ แจ้ง      ทางปกครองไม่ต้องดำาเนินการร้องเรียนหรืออุทธรณ์ก่อนการ
      ผลการร้องเรียน  ขอความเป็นธรรมถึงผู้ฟ้องคดีว่า  กรมการ  ฟ้องคดีแต่อย่างไร  นี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้ฟ้องมักเข้าใจผิด  ผู้
      แพทย์ได้มีคำาสั่งให้ผู้อำานวยการโรงพยาบาล จ่ายเงินค่าชดเชย  เขียน)ดังนั้น  การที่ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม

      ค่าจ้างให้แก่ผู้ฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔ ถึง  ต่อผู้ถูกฟ้องคดีดังกล่าวนั้น  จึงถือว่าเป็นการดำาเนินการตาม
      วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๔ พร้อมให้คืนของใช้ส่วนตัวแก่      ขั้นตอนของกฎหมาย  อายุความในการฟ้องร้องคดีนี้จึงเริ่ม
      ผู้ฟ้องคดีด้วย    ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำาสั่ง  ดังกล่าวไม่ชอบด้วย  ต้นในวันที่ผู้ฟ้องคดีได้รับคำาชี้แจงจากโรงพยาบาล  โดยกรม
      กฎหมาย ขอให้ศาลมีคำาพิพากษาหรือคำาสั่งเพิกถอนคำาสั่ง    การแพทย์เป็นผู้สั่งตามหนังสือลงวันที่  ๒๘  พฤษภาคม
      ที่สั่งเลิกจ้างผู้ฟ้องคดี  และให้ผู้ถูกฟ้องคดีรับผิดและชดใช้ค่า  ๒๕๔๕   ผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองเมื่อวัน
      เสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี                                    ที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๕ จึงถือว่ายังไม่พ้นกำาหนดหนึ่งป  ี
             ศาลปกครองชั้นต้นตรวจพิจารณาคำาฟ้องแล้วเห็นว่า    นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีแต่อย่างใด  ขอ
      ข้อพิพาทแห่งคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่โรงพยาบาลมีคำาสั่ง  ให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำาพิพากษากลับคำาพิพากษาของศาล
      เลิกจ้างผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นลูกจ้างของส่วนราชการปฏิบัติหน้าที่  ปกครองชั้นต้นเป็นให้รับคดีนี้ไว้พิจารณา

      ในตำาแหน่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพอันเป็นภารกิจเกี่ยวกับการให้        ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ข้อพิพาทแห่งคดีนี้เป็น
      บริการด้านการรักษาพยาบาลของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงเป็นข้อ  เรื่องการโต้แย้งเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็น
      พิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองตามมาตรา  ๙  วรรคหนึ่ง      ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำาแหน่งเจ้า
      (๔) แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีสิทธ ิ  หน้าที่กู้ชีพ  ซึ่งเกี่ยวข้องกับภารกิจให้บริการด้านการรักษา
      นำาคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองภายในกำาหนดระยะเวลาตามที่       พยาบาลของโรงพยาบาล        จึงถือว่าเป็นสัญญาที่ให้เอกชน
      กำาหนดไว้ในมาตรา  ๕๑  แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน  เมื่อ  เข้าดำาเนินงานหรือเข้าร่วมดำาเนินงานบริการสาธารณะอัน
      ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีได้รับทราบคำาสั่งเลิกจ้างของผ ู้  เป็นสัญญาทางปกครอง  ดังนั้น ข้อพิพาทเกี่ยวกับการให้ผู้

      ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ และได้นำา      ฟ้องคดีซึ่งเป็นลูกจ้างของส่วนราชการออกจากงาน  จึงเป็น
                                                           14
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20