Page 82 - แฟ้มสะสมผลงาน2.63
P. 82
ขนั้ นาเขา้ สบู่ ทเรียน
๑. นักเรยี นร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกบั ปรชั ญาหรอื แนวคดิ ของเศรษฐกิจพอเพยี ง เขยี นลงคาถามทา้ ย
หน่วยการเรียนรู้ ข้อ ๑ (เป็นแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่
พระราชทานแก่พสกนิกรมาตงั้ แต่พุทธศกั ราช ๒๕๑๗ โดยทรงเน้นถงึ แนวทางสาคญั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ความตอนหนึง่ ว่า “...การพฒั นาประเทศ จาเป็นต้องทาตามลาดบั ขนั้ ต้องสรา้ งพ้นื ฐานคือ ความพอมี พอกิน
พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบ้อื งตน้ กอ่ น...” และทรงย้าอกี ครงั้ หนึง่ ซงึ่ เป็นครงั้ สาคญั ต่อจติ สานึกของคน
ทงั้ ประเทศ)
๒. นักเรยี นยกตวั อย่างคาวา่ “พอเพยี ง” ตามความเขา้ ใจของตนเอง
๓. นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ ราย “(คาว่าพอเพยี ง) ...ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครวั จะต้องผลติ
อาหารของตวั จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนัน้ มนั เกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรอื ในอาเภอจะต้องมีความพอเพยี ง
พอสมควร บางสงิ่ บางอย่างผลติ มากกว่าความตอ้ งการ (ทจ่ี ะเอาไวบ้ รโิ ภคเอง) กข็ ายได้ แต่ขายในทไ่ี ม่ห่างไกล
นักไม่ต้องเสยี ค่าขนส่งมากนัก...” “...ปจั จุบนั น้ีจะปฏิบตั ิเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑๐๐ เปอรเ์ ซน็ ตค์ งทาไม่ได้ ปฏบิ ตั ิ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง พอเพียงครอบครวั ละเศษหน่ึงส่วนสก่ี ็น่าจะพอ...” (ทาให้ได้หน่ึงส่วนแล้วค่อยขยายเท่าท่ี
กาลงั สามารถจะทาได)้ การปฏบิ ตั เิ ศรษฐกจิ พอเพยี งวธิ หี น่ึง คอื ผลติ ไวใ้ ช้ “...คนเราถา้ พอในความต้องการ กม็ ี
ความโลภน้อย เมอ่ื มคี วามโลภน้อย กเ็ บยี ดเบยี นคนอน่ื น้อย...”
๔. นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี นประมาณ ๑๐ นาที แลว้ สลบั กนั ตรวจ
ขนั้ สอน
๕. นักเรยี นดวู ดี ทิ ศั น์ โดยมคี รอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหส้ มบรู ณ์
๖. ครูบอกแนวการปฏบิ ตั ทิ เ่ี หน็ เป็นรูปธรรม เกดิ มาจากการยดึ มนั ่ ในระบบพอเพยี งก่อน เม่อื ยดึ มนั ่
หรอื มีฐานท่ีมนั ่ คงแล้ว การจะลงมือปฏิบัติก็ต้องให้สอดคล้องกับความตัง้ ใจ หรืออุดมการณ์นัน้ จากแนว
พระราชดาริ สามารถแยกออกเป็นแนวปฏบิ ตั ไิ ด้ ดงั น้ี
๑) ผลิตไว้ใช้ เม่ือจะผลติ บางส่ิงบางอย่างควรเรมิ่ ต้นจากการผลิตสาหรบั ครอบครวั ก่อน ให้
พอเพยี งต่อการดารงชพี ของคนในครอบครวั ตนเอง
๒) ผลติ ไวข้ าย เม่อื ผลติ เพยี งพอต่อความต้องการในครอบครวั แล้ว หากผลผลติ ท่ไี ด้เหลอื หรอื
เกนิ ความจาเป็นสามารถจดั สรรหรอื แปรใหเ้ ป็นรายได้ โดยการนาออกจาหน่าย ขายออก แต่ควรเรม่ิ ตน้ จากการ
ขายในบรเิ วณชุมชนของตนเอง ซง่ึ ไมต่ อ้ งใชต้ น้ ทนุ เพม่ิ เช่น คา่ ขนส่ง ค่าเสยี เวลา
๓) ไม่โลภมากจนเบยี ดเบยี นผอู้ น่ื ผดู้ ารงชวี ติ แบบพอเพยี ง จะตงั้ อย่ใู นความไมเ่ บยี ดเบยี นแมม้ ี
ความปรารถนาต้องการกไ็ ม่เกนิ ประมาณมากนัก คอื ไม่โลภจนกลายเป็นลุ่มหลง ไม่จงใจทาให้ผู้อ่นื เดอื ดรอ้ น
เพยี งเพราะเหน็ วา่ ตนจะไดก้ าไร
๗. ใช้เทคนิคการอภิปรายเป็นคณะ (Conference) เป็นการชุมนุมอภิปรายระหว่างนักเรียนเพ่ือ
แลกเปล่ียนความคิดเห็นและประสบการณ์ โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเป็นวิทยากรผู้ดาเนินการอภิปรายเร่อื ง
เศรษฐกจิ พอเพยี งใหน้ กั เรยี นฟงั
๘. นักเรยี นแบ่งกลุ่มจดั ทาแผ่นพบั และออกแบบประชาสมั พนั ธใ์ หค้ วามรเู้ ร่อื ง เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั
แนวทางการดาเนินชีวติ ตามหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา ให้ชุมชนเห็นความสาคญั และเกิดความร่วมมอื
ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ธรรมเศรษฐกจิ พอเพยี ง

