Page 165 - ฉบับที่ 100
P. 165

๑. ความสอดคลองระหวางนโยบาย ยุทธศาสตร และยุทธการ (The Interrelationship

          of Policy, Strategy and Operations)
                 ๒. การตัดสินใจในการเขาสูสงคราม (The Decision for War)
                 ๓. ขาวกรอง การประเมินคา และการวางแผน (Intelligence, Assessment and Plans)
                 ๔. เครื่องมือที่ใชของกําลังอํานาจแหงชาติ (The Instruments of National Power)
                 ๕. การตอบโต การปรับแผนการรบ และการประเมิน (Interaction Adaptation
          and Reassessment)
                 ๖. การสิ้นสุดสงคราม (War Termination)
                           ื
                 ๗. เอาชนะเพ่อสันติภาพและเตรียมพรอมสําหรับสงคราม (Winning the Peace
          and Preparing for War)

          ความสอดคลองระหวางนโยบาย ยุทธศาสตร และยุทธการ

                 ความเปนมา
                                                              ี
                   จากผลพวงแหงการปฏิวัติอุตสาหกรรมในชวงปลายศตวรรษท่ ๑๘ - ตนศตวรรษ
                                                                       ี
           ่
           ี
                                                ่
                                                ื
                 ี
          ท ๑๙ ท่ จอหน เคย (John Kay) ประดิษฐเครองทอผาแบบกระสวยพุงหรือก่กระตุก
                                       ื
          อีไล วิตนีย (Eli Whitney) ผลิตเคร่องแยกเมล็ดฝายจากใยฝาย ทําใหการปลูกฝาย
          และความตองการแรงงานทาสไรฝายขยายตัวอยางรวดเร็ว อับราฮัม ดาบี (Abraham Darby)
                          ี
          ไดพบวิธีใชถานหินท่ใหความรอนสูง (Coke) และภายหลังครอบครัวของเขาจึงนําไปใช
          ถลุงเหล็กไดเหล็กกลามาใชในอุตสาหกรรมสําหรับเคร่องจักรไอน้า โทมัส นิวโคแมน
                                                     ื
                                                             ํ
                                            ํ
                                                             ํ
                                  ิ
                                                                    ํ
          (Thomas Newcomen) ไดเร่มนําพลังไอน้ามาใชหมุนกังหันสูบน้าหรือวิดน้าในการทํา
                        ื
                                               ั
             ื
                                                         ี
                                                  ื
          เหมองแร เปนเคร่องจักรขนาดใหญมาก ขณะน้นเคร่องจักรท่ใชในโรงงานตาง ๆ อาศัย
                                                                  ื
          พลงงานจากลม พลังน้า และมาหรือพลังงานจากกําลังคนในการขับเคล่อนเคร่องจักร
            ั
                                                                       ื
                            ํ
                                                                  ื
          ริชารด เทรวิธิก (Richard Trevithick) ประดิษฐหัวรถจักรไอน้าคันแรก เม่อ ค.ศ.๑๘๐๓
                                                         ํ
                                                                    ี
                                                                          ื
                                                             ื
          ในป  ค.ศ.๑๗๘๐  เจมส  วัตต  (James  Watt)  ไดประดิษฐเคร่องจักรท่ขับเคล่อน
          ดวยพลังไอน้าโดยตรงมีขนาดเล็กสรางในโรงงานได ตอมาไมนานเคร่องจักรไอน้าจึงเปน
                                                              ื
                                                                       ํ
                    ํ
          ท่นิยมแพรหลายในอังกฤษ นอกจากใชในอุตสาหกรรมแลว ในตอนตนคริสตศตวรรษ
           ี
                                                                      ั
                                                                            ํ
                   ื
           ี
          ท่ ๑๙ เคร่องจักรไอน้าจึงไดมีบทบาทสําคัญในการพัฒนาการคมนาคมขนสงท้งทางน้า
                           ํ
          และทางบก ไดแก เรือกลไฟ และรถไฟ จึงทําใหเกิดลัทธิจักรวรรดินิยม โดยประเทศ
          ในยุโรปตางแขงขันกันขยายอํานาจไปยึดครองดินแดนตาง ๆ ท่วโลกโดยอาศัยเรือปน
                                                            ั
                                                                ¹ÒÇÔ¡Ò¸Ô»˜µÂÊÒÃ
                                                                              163
                                                                ¤Åѧ»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¼ÙŒ¹íÒ
   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170