Page 22 - จิม โรเจอร์ส
P. 22
สิ่งที่เรียนรู้จากภาวะฟองสบู่แตกของสหรัฐอเมริกาเม่อ 100 ปี
ื
ก่อน
ี
ื
เม่อประมาณ 80 ปีก่อนหน้าน้สหรัฐอเมริกาก็ประสบปัญหาภาวะ
่
เศรษฐกจฟองสบู่เหมือนกน ในปี 1920 ขณะทีทวปยุโรปเหนอยล้าจาก
ื
ี
่
ิ
ั
ี
ั
สงครามโลกครงที 1 สหรฐอเมริกากลับได้เปรียบในการแข่งขัน มการ
่
ั
้
ลงทุนในอุตสาหกรรมหนักเป็นอย่างมาก อุตสาหกรรมยานยนต์ก้าวหน้า
มีการผลิตและบริโภคเป็นจ�านวนมาก
เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในขณะน้นกล่าวว่า
ั
ี
น่คือ “ความเจริญรุ่งเรืองอันเป็นนิรันดร์” เกิดเป็นค�าว่า “ยุคใหม่” และ
“ยุคทองปี 20” ข้นมา แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรที่เป็นนิรันดร์หรอก
ึ
มันเป็นแค่เพียงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ ในไม่ช้าราคาหุ้นที่วอลล์สตรีท
ในนิวยอร์กก็ตกลง และเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจตกต�่าครั้งใหญ่ในปี 1929
3
ี
ปลายปี 1980 ประเทศญ่ปุ่นก็ประสบภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่
ส�าหรับคนที่เรียนประวัติศาสตร์จะรู้ว่าน่คือภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ แต่ใน
ี
ี
็
ั
้
ั
ตอนนนไม่ใช่แค่คนญ่ปุ่นเท่าน้น แต่คนต่างชาติกคิดว่ามันไม่ใช่ภาวะ
ี
่
่
ิ
้
้
ิ
ี
เศรษฐกจฟองสบู่เหมอนกน ภาวะทีญปุ่นเผชญครงนแตกต่าง ในโลกแห่ง
ั
ั
ื
ี
ั
การลงทุน วลี “คร้งน้แตกต่าง” เป็นสัญญาณของอันตรายที่ต้องระมัดระวัง
�
ี
เป็นอย่างยิ่ง ในประวัติศาสตร์ไม่มีคาว่า “คร้งน้แตกต่าง” คนที่ไม่มีความร ู้
ั
3 ในช่วงปี 1980 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นรุ่งเรืองเพราะการมีนวัตกรรมที่รุ่งโรจน์ ท�าให้เกิดการหลวม
ตัวและใช้จ่ายเงินอย่างเกินตัว มีเงินในระบบเยอะจนท�าให้เงินทุนล้นตลาด ราคาอสังหาริมทรัพย์
�
เพิ่มข้นอย่างรวดเร็ว และมีการตกแต่งงบการเงินโดยการนากาไรจากการเก็งกาไรสินทรัพย์เข้าไป
ึ
�
�
ึ
รวมอยู่ในงบกาไรขาดทุน ยิ่งงบดูสวย บริษัทก็ยิ่งปั่นหุ้นได้สูงข้นทั้งที่มูลค่าของบริษัทไม่มีอะไร
�
ที่จับต้องได้จริงๆ
21

