Page 173 - สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.
P. 173
130
สาราสารกถา
นาทีน้น เรานึกว่าแต่ละขณะแต่ละนาทีท่มีโอกาสมาถึงเรา เรา
ี
ั
จะได้อะไร เราจะเป็นอะไร ให้จ�าไว้เพียงเท่านี้
คราวน้เราต้องนึกถึงชีวิตของเราท่ผ่านมา ผมอยากจะต้ง
ี
ั
ี
้
ี
ั
ี
ประเด็นถามว่า พวกเราท่มาน่งประชุมอยู่ในท่น สาเร็จการศึกษากัน
ี
�
ั
ี
ได้ข้นไหน ใครได้ปริญญาตรีกันบ้าง ยกมือข้นซิ? ท่จบปริญญาตร ี
ึ
ิ
ิ
มา ปรญญาโท ปรญญาเอก ปวช. มไหม? ปวส., ม. ๖, ม. ๓,
ี
ป. ๖ ใครจบ ป. ๖ บ้าง เอาล่ะ พอ!
แค่ ป. ๖ ส่วนใหญ่จบ ป. ๔ สมัยก่อนภาคบังคับ ที่ส�าเร็จ
�
ป. ๔, ป. ๖ ไม่ใช่สาเร็จจากการใช้โอกาสของเรา แต่เป็นการสาเร็จ
�
ั
ึ
็
ั
ู
ั
เพราะถกบังคบ เพราะ ป. ๔, ป. ๖ เปนการศกษาภาคบงคบ การ
ี
ศึกษาจากช้นประถมไปแล้ว ไม่เป็นภาคบังคับ มันเป็นภาคท่คน
ั
ั
�
รู้จักใช้โอกาสจึงจะสาเร็จได้ เพราะฉะน้น เราก็เห็นได้แล้วว่า
ท่ผ่านมาชีวิตเราไม่ประสบผลสาเร็จในด้านการศึกษา ก็เพราะ
�
ี
เราใช้โอกาสมันผิดไป ไม่ใช่ข้นอยู่กับฐานะ แม้ว่าเราจะมีฐานะ
ึ
ยากจนข้นแค้นอย่างไร ระดับพวกเราๆ น้ ไม่ใช่อยู่ในลักษณะ
ี
ที่ด้อยภูมิปัญญาที่จะได้รับการศึกษาได้ แม้จะด้อยฐานะก็ตาม
แต่ถ้าเรารู้จักใช้โอกาสให้มันถูก ใช้โอกาสให้มันเป็น
ื
ี
ก็เช่อว่าการศึกษาของเราจะดีกว่าน้ จะมากกว่าน้ เพราะเรา
ี
ใช้โอกาสไม่เป็น ชีวิตมันจึงพลาดมา พลาดมาจนถึงทุกวันน ี ้
ในระบบการศึกษาของเรา เราจะนึกถึงสภาพแวดล้อม ฐานะ
ไม่สามารถจะศึกษาเล่าเรียนต่อได้ ท่านต้องนึกถึงหลักความจริง

