Page 361 - สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.
P. 361
318
สาราสารกถา
ปะชัง เรียกว่ายืมเขามา ไปยืมบทสวดแจงมาต่อท้ายพุทธาภิถุติง
ี
มันอัตคัดขนาดไหนเชียวรึ? ภูมิปัญญาเราน่ะ ต้องไปเท่ยวยืม
ั
เขามาใช้ ใช่ไหมเล่า? ก็เอาในตัวมันเองน่นแหละ ใช้ได้ไหม?
�
ี
ผมก็มาคิดว่าอย่างน้ เออ!.. มันน่าจะได้ ก็เลยนามาเสนอใน
ตรงนี้
ต่อไป บทพุทธาภิถุติง น้ เราก็มีเฉพาะเท่าน้นล่ะ เฉพาะบท
ี
ั
ั
ั
ั
ี
พุทธาภิถุติง เท่าน้น ท่มีต่อท้ายว่า โย อิมง โลกง สะเทวะกัง...
ไปยืมมาจากยันเตนะ ภะคะวะตา พอไปถึงบท สวากขาโต ใน
ธัมมาภิถุติง ไม่มีอะไรต่อท้ายแล้ว ไม่รู้จะไปยืมใครมา หมดท่าเลย
ก็เลยลงห้วนๆ ว่า วิญญูหิ, ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ,
ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นมามิ ใช่ไหมเล่า?
มันไม่ได้ มันเหมือนกับว่าเราลาเอียง ไม่รักพระรัตนตรัย
�
เท่าๆ กัน ลาเอียงน่ะ ใช่ไหมเล่า? พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
�
มันต้อง ๓ พระรัตนะ พระพุทธศาสนาจึงจะอยู่ได้ พระรัตนะ
�
เดียวมันอยู่ไม่ได้ แล้วเราจะทาอย่างไร ไม่ให้ลาเอียง เออ! แล้ว
�
ในบทสังฆาภิถุติงก็เหมือนกัน พอ โลกัสสะ ใช่ไหม? ตะมะหัง
สังฆัง อะภิปูชะยามิ, ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ หมด
แค่นี้กัน
้
ั
่
�
ู
ิ
ู
ี
ทมาปฏรปใหม เดยวมาปฏรปกนเลยนะ ผมจะนาสวด ตอง
่
ี
ิ
๋
่
ขออภัยด้วยน่ะ อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลย ขอร้องก็แล้วกัน
ถือว่าผมขอร้อง เพ่อให้ผมได้ตายตาหลับ ถ้าท่านไม่ช่วยผม ชาติน ้ ี
ื

