Page 53 - ประวัติศาสตร์การสงคราม บทที่ 6-9
P. 53

53




                  ประชาชน  กองทหารประชาชน หรือหน่วยจรยุทธ์ พื้นที่การเคลื่อนไหวมากที่สุดอยู่ในเขตจังหวัดนครพนม,
                  อุบลราชธานี, สกลนคร และอุดรธานี

                         ปลายปี พ.ศ. 2507 คอมมิวนิสต์ได้แสดงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะเริ่มสงครามปลดแอกขึ้น
                  ในประเทศไทย ทั้งนี้ จากคำแถลงของวิทยุปักกิ่ง และวิทยุประชาชนแห่งประเทศไทย ที่พยากรณ์ว่า

                  คอมมิวนิสต์จะต้องเข้ายึดครองประเทศไทยในที่สุด และหลังจากนั้น ก็ได้ประกาศก่อตั้ง “แนวร่วมรักชาต  ิ

                                                                                                     ั้
                  แห่งประเทศไทย” ขึ้น เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2508 ต่อมาประมาณอีกหนึ่งสัปดาห์ นายเซนยี บุคคลชนนำของ
                  จีนคอมมิวนิสต์ ได้แถลงการณ์ว่า สงครามปลดปล่อยชาติอาจจะเริ่มขึ้นในประเทศไทยในปลายปีนี้

                         เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2508 กองโจรคอมมิวนิสต์ได้ซุ่มโจมตีขบวนของเจาหน้าที่ตำรวจที่ บ.นาบัว
                                                                                        ้
                  ต.เรณูนคร อ.ธาตุพนม จว.นครพนม ทำให้ พ.ต.อ.สงัด โรจนภิรมย์ ผกก.ภ.จว.น.พ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส
                  นับเป็นครั้งแรกที่พวกคอมมิวนิสต์ได้ใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐบาล ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

                  ได้ถือโอกาสนั้น ประกาศว่า วันที่ 7 สิงหาคม 2508 เป็นวันที่ทางพรรคเปิดสงครามจรยุทธ์และพวกเขาเรียก

                  วันนี้ว่า “วันเสียงปืนแตก” จากวันนั้นประเทศไทยก็ตกอยู่ในสถานการณ์ก่อการร้ายเป็นต้นมา
                  4. การป้องกันและปราบปราม ผกค.ด้วยมาตรการทางกฏหมายและมาตรการทางทหาร

                                               ้
                                                                    ้
                                                                  ่
                                                                                                ั
                         รัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัยไดดำเนินนโยบายในการตอตานคอมมิวนิสต์เสมอมาตั้งแต่เกิดลทธิคอมมิวนิสต ์
                  ขึ้นในโลก และต่างเชื่อมั่นว่า ราษฏรไทยคงไม่นิยมชมชอบลัทธิดังกล่าว เนื่องจากความเป็นผู้รักสงบยึดมั่นอย่าง
                  เคร่งครัดในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และขนบธรรมเนียมประเพณี ฉะนั้น รัฐบาลในสมัยที่เริ่มเกิด
                  ลัทธิคอมมิวนิสต์ จึงมิได้กำหนดวิธีการป้องกันและปราบปรามอย่างแน่ชัด

                         พวกคอมมิวนิสต์ได้พยายามใช้จุดอ่อนในเรื่องความอดอยาก และความไม่เป็นธรรมของประชาชนใน

                  พื้นที่ชนบทห่างไกล ประกอบกับความสัมพันธ์ด้านเชื้อชาติขนบธรรมเนียมประเพณีกับประเทศใกล้เคียง
                  คือ ลาว และเขมร เป็นจุดปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อเพื่อเพาะเชื้อคอมมิวนิสต์ขึ้น แล้วขยายกว้างออกไป

                                                                   ์
                  เรื่อย ๆ จนประชาชนในพื้นที่ห่างไกลยอมเข้าร่วมอุดมการณ
                         การดำเนินการของคอมมิวนิสต เริ่มทำให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นในประเทศซึ่งหากปล่อยให้เป็นไปโดย
                                                   ์
                                                                                      ี่
                  อิสระเสรีแล้ว อาจทำให้ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้ลัทธิคอมมิวนิสต์ในทสุด ฉะนั้น รัฐบาลจึงได
                                                                                                            ้
                  ตราพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต พ.ศ.2476 ขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันและปราบปราม
                                                     ์
                                                                                                    ี
                  คอมมิวนิสต์ วิธีการตามกฎหมายนี้ คือการสืบสวน สอบสวน จับกุมนำมาลงโทษ คุมขัง ตามแต่กรณ จนถึงขั้น
                  ประหารชีวิต และได้แก้ไขเรื่อยมา  จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2489 ต้องถูกยกเลิกเพื่อแลกกับการเข้าเป็นสมาชิก

                                                                     ั
                                                                           ้
                                     ิ
                                                                                                      ิ
                  องค์การสหประชาชาตของประเทศไทย แต่รัฐบาลก็ต้องนำกลบมาใชใหม่ โดยตราเป็นพระราชบัญญัตป้องกัน
                  การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 ขึ้น เนื่องจากมีคนไทยแตกแยกกัน เพื่อล้มล้างสถาบันของประเทศ
                  ถึงแม้รัฐบาลจะได้นำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ใหม่ แต่พวกคอมมิวนิสต์พยายามซุ่มซ่อนเผยแพร่ลัทธิของตน
                  และปฏิบัติการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงมากขึ้น ฉะนั้น ในปี พ.ศ. 2501 รัฐบาลจึงได้ประกาศกฎอัยการศก
                                                                                                           ึ
                                                                                                           ุ
                  ทั่วประเทศ เพื่อสกัดกั้นการขยายตัวของลทธิอุบาทว์นี้ และได้กำหนดให้เจ้าพนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคม
                                                    ั
                  ผู้ต้องหาการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ได้ตลอดเวลาที่มีการสอบสวน โดยให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ท้งนี้
                                                                                                          ั
                  ให้ลงโทษผู้กระทำผิด ตามพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2495 อย่างเฉียบขาด
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58