Page 18 - ใบความรู้ ม.3 เทอม1
P. 18

ใบความรู้



                                                  ี่
                  แผนการเรียนรู้ที่ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีท 3      วิชา นาฏศิลป์ไทยละคร 6 รหัสวิชา ศ 23208
                  ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ระบำเบ็ดเตล็ด เรื่อง รำวงมาตรฐาน4เพลง              เวลา 36 ชั่วโมง
                             



                                           ประวัติความเป็นมารำวงมาตรฐาน



                         รำวงมีกำเนิดมาจากรำโทน  แต่เดิมรำโทนเป็นการละเล่นพื้นเมืองอย่างหนึ่ง  ที่นิยมเล่นกันในฤดู
                  เทศกาลของท้องถิ่นบางจังหวัด  คำว่า  “รำโทน”  สันนิษฐานว่าเรียกชื่อจากการเลียนเสียงตามเครื่องดนตรี

                  ประกอบจังหวะที่เป็นหลัก คือ “โทน” ซึ่งตีเป็นลำนำเสียง

                                                “ป๊ะ โทน ป๊ะ โทน ป๊ะ โทน โทน”
                         เครื่องดนตรีที่ใช้ในการรำโทน ได้แก่ ฉิ่ง กรับ และโทน ลักษณะการรำโทนนั้นเป็นการรำระหว่าง

                  ชายกับหญิง ให้เข้ากับจังหวะโทน โดยไม่มีท่ารำกำหนดเป็นแบบแผนตายตัว
                         ก่อนสงครามโลกครั้งที่  2  รำโทนได้นิยมอย่างแพร่หลาย  จึงมีผู้ประพันธ์ลำนำเพลงและบทร้อง

                  ประกอบการรำขึ้น นิยมนำไปเล่นกันอย่างแพร่หลาย ตามจังหวัดอื่น ๆ บทร้องมีหลายลักษณะ เริ่มตั้งแต่บท

                  ชมโฉม บทเกี้ยวพาราสี บทสัพยอกหยอกเย้า และบทพร่ำพรอดร่ำลาจากกัน เป็นต้น
                         ต่อมา เมื่อ พ.ศ.2487 กรมศิลปากร ได้แต่งบทร้องและทำนองเพลงขึ้นใหม่ 4 เพลง และต่อมาท่าน

                  ผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม ได้แต่งเนื้อร้องใหม่อีก 6 เพลง โดยให้กรมศิลปากรและกรมประชาสัมพันธ์ แต่ง
                  ทำนองให้ ผู้แต่งบทร้อง เพลงงามแสงเดือน ชาวไทย รำซิมารำ และคืนเดือนหงาย คือ นายเฉลิม เศวตนันท์

                  ผู้แต่งทำนองเพลง คือ อาจารย์มนตรี ตราโมท ผู้คิดประดิษฐ์ท่ารำ คือ หม่อมครูต่วน (ศุภลักษณ์) ภัทรนาวิก

                  อาจารย์ลมุล ยมะคุปต์ และคุณครูมัลลี คงประภัสร์


                  ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง

                         ใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้า เครื่องคู่ หรือเครื่องใหญ่ ได้ตามโอกาส


                  การแต่งกาย

                         แต่งได้หลายลักษณะทั้งชุดไทย ชุดพื้นบ้าน และชุดสากล ตามแต่ยุคสมัย
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23