Page 61 - combine ต.ค.64 (2)_Neat
P. 61
�
ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ เสด็จพระราชดาเนินทางทะเล ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
�
�
ี
ั
กองทัพเรือจึงได้จัดทา “โครงการสร้างเรือพระท่น่ง กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์มีลักษณะเป็นเรือสาเภา
นารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙” เพ่อน้อมเกล้าน้อม ท่มีการประดับตกแต่งอย่างงดงาม ซ่งบางลาท้ายเรือ
ี
ื
ึ
�
ี
ื
ื
�
กระหม่อมถวายเน่องในมหามงคลวโรกาสดังกล่าว คงทาท้ายบาหลีสูงย่นออกมาคล้ายท้ายราชรถ อาท ิ
โดยอัญเชิญโขนหัวเรือมาเป็นแบบในการสร้างเรือ เรือพระท่น่งของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีนามว่า
ี
ั
ี
[๑๕]
ี
ั
ั
ึ
�
พระท่น่งองค์ใหม่ ซ่งมีขนาดเท่ากับลาเดิม ตัวเรือ “เรือพระท่น่งมหาพิชัยสุวรรณนาวา” ปากกว้าง
�
กว้าง ๓.๒๐ เมตร ยาว ๔๔.๓๐ เมตร กินน�้าลึก ๑.๑๐ ๓ วาเศษ ยาว ๑๗ วา โดยมีลักษณะของเรือ และกาลังพล
เมตร น�้าหนัก ๒๐ ตัน ใช้ฝีพายเพียง ๕๐ นาย เพื่อ ประจ�าเรือตามพงศาวดารกรุงธนบุรี (ประชุมพงศาวดาร
ให้สอดคล้องกับวโรกาส ๕๐ ปี แห่งการครองราชย์ [๑๒] ภาคที่ ๖๖) ดังนี้
�
ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล “เรือรบเขียนเป็นรูปตราตามตาแหน่ง ตรงข้างเรือ
ี
�
้
ั
อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขียนเป็นลายรดนา เรือพระท่น่งทรงเขียนหน้าเรือเป็น
ี
้
�
รปครฑ ขางเปนลายรดนา พนกทายเขยนนาทอง พะอวดทอง
ั
ู
้
้
้
็
ุ
�
ี
ื
ู
หลังคาสสักหลาด ตะกด แจว เสากะโดง ทาสีเหลอง
ื
พลแจวใส่หมวกใส่เส้อสีดอกคา เรือรบเจ้าราชนิกุลเขียน
�
ื
้
�
ลายรดนา หลังคาหุ้มผ้าแดง พลแจวใส่เส้อเขียว มีธงแลโคม”
ั
�
เรือพระท่น่งสาหรับเดินเรือในทะเลข้างต้นน้น
ี
ั
ั
ั
�
ี
เรียกโดยท่วไป คือ “เรือพระท่น่งสาเภาทอง” และ
ใช้ตราครุฑ ซ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงใช้เป็น
ึ
พระราชพาหนะในการเสด็จยกทัพเรือไปตีกรุงกัมพูชา
ื
ั
ื
เมอ พ.ศ. ๒๓๑๔ หรอเมอคร้งกรมพระราชวังบวร
ื
่
่
มหาสุรสิงหนาทเสด็จยกทัพเรือไปปราบพม่าท่เมือง
ี
ื
นครศรีธรรมราช เม่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙ ได้ทรงใช้
ั
่
ั
่
ิ
เรือพระท่นงสุวรรณพชัยนาวาท้ายรถ หรือเรือพระทน่ง
ี
ี
ี
ี
ภาพท่ ๗ โขนหัวเรือพระท่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลท่ ๙ [๑๓]
ี
สาเภาทองท้ายรถของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
�
ี
ั
ี
ึ
ี
จากท่กล่าวมาซ่งเป็นเรือรบ และเรือพระท่น่งท่ใช้ จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ เป็นพระราชพาหนะ โดยที่
ในแม่นาแล้ว เม่อมีการยาตราทัพเรือไปทางทะเลจึง เรอพระท่น่งใช้ตราครุฑ จึงเรียกว่า “เรือพระท่น่งครฑ” [๑๖]
ั
ี
ื
ื
ี
�
ั
ุ
้
�
ี
เกิดความจาเป็นท่จะต้องใช้เรือรบประเภทเรือเดินทะเล ดังปรากฏในนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ึ
ซ่งเป็นเรือใบ เรือรบขนาดใหญ่ของไทยสมัยเรือใบ คร้งเสด็จไปปราบพม่าเมืองนครศรีธรรมราชฯ มีข้อความ
ั
แบ่งออกกว้าง ๆ ได้ ๒ จ�าพวก ได้แก่ เรือส�าภา หรือ กล่าวถึงเรือพระที่นั่งครุฑว่า
�
�
เรือแบบจีน และจาพวกเรือแบบตะวันตก หรือเรือกาปั่น “ท่น่งครุฑทอดท่าเตรียมเสด็จ ด่งจะเห็จนภามาศดูอาจอัด
ั
ั
ี
ั
ี
ี
แบบฝร่ง นอกจากน้ยังมีเรือเดินทะเลขนาดย่อมท่เล็กกว่าเรือ
์
ั
ิ
ั
ิ
�
สาเภา และเรือกาปั่น อาทิ เรือสาปั้นแปลง เรือกาปั่นแปลง จบพระยานาคนทรบนรวบรด สองหัตถ์ถือธงพิไชยยุทธ
�
�
�
เรือแบบญวณ (เรือแง่ หรือเรือกุไล) เรือฉลอม และเรือเป็ด ลงยันต์ลายทองต�ารับหลวง เด่นดวงเป็นรูปวายุบุตร
รวมทั้งเรือแบบแขก (เช่น เรือกลาบู)
[๑๔]
ื
่
ั
ี
ุ
ุ
ในส่วนเรือพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์เมื่อทรงใช้ จ่ารงคร�่าใส่ช่องสองข้างครุฑ ฝรงคอยเตรยมชดจะจดปน”
นาวิกศาสตร์ 59
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔

