Page 7 - มหาอำนาจทางทะเลในศตวรรษที่ ๒๑
P. 7
ี
�
Dutch Republic) ได้นายุทธวิธีน้มาใช้อย่างได้ผล ในช่วง
หลังของศตวรรษที่ ๑๗ ได้มีการรวบรวมเรือจ�านวนมาก
มาจัดเป็นกองเรือ เรือเหล่าน้นมีความแตกต่างท่หลากหลาย
ี
ั
ท้งขนาด รูปแบบ และสภาพของเรือ ในยุทธนาว ี
ั
ั
ั
คร้งสุดท้ายของสงครามอังโกล-ดัทช์ คร้งแรก (ระหว่างปี
ค.ศ. ๑๖๕๒-๑๖๕๓) ซึ่งเป็นสงครามระหว่างอังกฤษกับ
ั
สาธารณรัฐดัทช์ นายพลเรือของอังกฤษ (ในยุคน้นเรียกว่า
British Parliamentary Admirals) ถูกบังคับให้จัด
ื
กระบวนเรือแบบแล่นตามกัน และต่อมาเม่อสงคราม
�
ี
ส้นสุดลงได้มีการเขียนเป็นตาราท่เรียกว่า code of fighting
ิ
instructions รูปกระบวนแล่นตามกันกลายเป็นยุทธวิธี
ี
่
มาตรฐานของสงครามทางเรือในศตวรรษท ๑๗ และ ๑๘
ั
�
แต่สาหรบการรบครงน ลอร์ด เนลสน ตดสนใจจะแบ่ง
ั
ิ
ั
้
ี
ั
้
ี
่
กองเรือของเขาออกเป็นสองกระบวน โดยทกองเรือ
ี
ั
ท้งสองกระบวนน้จะพุ่งไปตัดกับกระบวนของกองเรือ
ั
ผสมฝร่งเศส-สเปนจากด้านข้าง (Crossing the T) ซ่ง ึ
ภาพที่ ๗ จักรวรรดิฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๘๑๑ การกระทาเช่นน้นเป็นการบีบให้กองเรือผสมต้องสู้
�
ั
ที่มา : เว็บไซด์ www.wikipedia.com
ี
ไม่สามารถแล่นหนได้ และมโอกาสใช้ปืนเรอได้น้อย
ี
ื
ั
ี
ท่กองเรือของท้งสองฝั่งจะแล่นสวนกันในทางขนาน และ กระบอกกว่าฝ่ายของตน
แต่ละฝ่ายจะระดมยิงปืนใหญ่กราบเรือใส่กัน กองเรือทั้ง
สองจะแล่นเป็นเส้นขนานกันไปยิงปืนใหญ่แลกกันไป
เพราะกองเรือฝร่งเศสและพันธมิตรมีเรือมากกว่า (๔๑ ลา
�
ั
�
�
ต่อ ๓๓ ลา) และเรือหลายลาของกองเรือฝร่งเศส มีขนาด
ั
และปริมาณปืนมากกว่าของกองเรืออังกฤษด้วย ส�าหรับ
ความเป็นมาของการรบแบบ The line of battle
ั
แต่ด้งเดิมมาจากกองทัพเรือของเครือจักรภพอังกฤษ และ
บางทีถูกนามาใช้โดยนายพลเรือ โรเบิร์ต เบลค (General
�
ั
�
at Sea Robert Blake – ยุคน้นยังไม่มีตาแหน่ง
นายพลเรือ ท่เรียกว่า Admiral) ซ่งเขียนหนังสือเร่อง
ื
ี
ึ
The Sailing and Fighting Instructions of 1653
�
ยุทธวิธีในหนังสือดังกล่าวถูกนามาใช้ในสงครามระหว่าง
ี
อังกฤษกับดัทช์ ท่เรียกว่า Anglo-Dutch Wars โดย
มีเชล เดอ ไรเตอร์ (Michiel de Ruyter) แห่งกองเรือดัทช์
(ในเวลานั้นยังไม่เป็นประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เป็นเพียง ภาพที่ ๘ ยุทธนาวีที่ทราฟัลการ์
รัฐอิสระ ที่เรียกว่า United Provinces และต่อมาเป็น ที่มา : เว็บไซด์ www.google.co.th
28 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๑ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

