Page 11 - มหาอำนาจทางทะเลในศตวรรษที่ ๒๑
P. 11
ึ
�
มหาอานาจทางทะเลใหม่ข้นมา น่นคือ สหรัฐอเมริกา สงครามทั้งในสมรภูมิยุโรป แอตแลนติก แอฟริกาเหนือ
ั
้
ั
ิ
ี
์
ั
�
ึ
�
ึ
ซ่งความเป็นมหาอานาจทางทะเลของสหรัฐอเมริกา เมดเตอรเรเนยน และตะวนออกไกล พรอม ๆ กน จงทาให ้
นักการทหารส่วนหน่งมองว่า เกิดจากอิทธิพลของหนังสือท ่ ี ความเข้มแขงของกองทัพเรืออังกฤษถกลดทอนลง
ึ
็
ู
พลเรือตร เซอร์ อัลเฟรด เทเยอร์ มาฮาน (Alfred อย่างมาก ขณะท่ญ่ปุ่น มีกาลังทางเรือท่เข้มแข็งมาก
ี
ี
�
ี
ี
ื
�
�
ี
�
ื
ึ
Thayer Mahan) เขียนข้นมาเล่มหน่ง ช่อว่า “The กาลังรบทางเรือท่สาคัญ คือ เรือบรรทุกเคร่องบิน จานวน
ึ
�
Influence of Sea Power Upon History ๑๕ ลา เรือประจัญบาน ๑๒ ลา เรือลาดตระเวน
�
ึ
�
: 1660–1783” ซ่งได้กล่าวถึงการทาสงครามทางเรือ อีกจ�านวนมาก และเรือด�าน�้า ประมาณ ๑๕๐ ล�า (ไทยมี
ในยุคต่าง ๆ และได้แสดงความคิดเห็นว่า การเป็น ๔ ล�า สั่งต่อจากประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน)
ผู้ชนะสงครามสงครามทางเรือ รวมท้งการเป็นมหาอานาจ
�
ั
�
�
ี
ทางทะเล จาเป็นต้องมองค์ประกอบสาคญท่สามารถ
ั
ี
ึ
เอ้อ หรือส่งเสริมให้ประเทศใดประเทศหน่งเป็น
ื
มหาอานาจทางทะเล หรือเกิดสมุททานุภาพได้ คือ
�
ั
ี
�
ตาบลท่ต้งทางภูมิศาสตร์ (Geographical Position)
สภาพภูมิประเทศ (Physical Conformation) ขอบเขต
�
ของดินแดน (Extext of Territory) จานวนประชากร
(Numbers of Population) อุปนิสัยของคนในชาต ิ
(National Character) และ คุณลักษณะของรัฐบาล
(Character of the Government) นอกจาก ๖ ประการน ้ ี
มาฮาน ยังกล่าวถึงการมีฐานทัพเรือ ท่าเรือ กองเรือ
พานิชย์ และก�าลังทางเรือ ก็เป็นสิ่งส�าคัญที่จะก่อให้เกิด
�
ั
การเป็นประเทศมหาอานาจทางทะเลอย่างม่งค่งและ
ั
�
ั
่
มนคง ได้อกด้วย สาหรบการเป็นมหาอานาจทางทะเล ภาพที่ ๑๒ การขยายอ�านาจทางทะเลของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
ั
�
ี
ของสหรัฐอเมริกา อีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ในช่วง ที่มา : เว็บไซด์ www.google.co.th
ั
�
่
ี
ึ
สงครามโลกคร้งท ๒ เป็นการทาสงครามทางทะเลท ี ่ ทางฝ่ายสหรัฐอเมริกา ซ่งเข้าร่วมสงครามในช่วงหลัง
�
ยิ่งใหญ่ที่สุด ระหว่างกองทัพเรือฝ่ายสัมพันธมิตร น�าโดย มีกาลังทางเรือในแปซิฟิก ประกอบด้วย เรือบรรทุกเคร่องบิน
ื
�
�
สหรัฐอเมริกา ภายใต้การบัญชาการของ พลเอก จานวน ๗ ลา เรือประจัญบาน จานวน ๑๗ ลา เรือลาดตระเวน
�
�
�
แมคอาเธอร์ กับ ญ่ปุ่น ซ่งเป็นมหาอานาจทางทะเลใน ทั้งเบาและหนัก จ�านวน ๓๗ ล�า และเรือด�าน�้า ๑๑๔ ล�า
ึ
ี
่
ี
ี
ี
่
�
ั
มหาสมุทรแปซิฟิกในช่วงน้น (ดูภาพท ๑๒ การขยาย (ดูภาพท ๑๓ และ ๑๔ กาลังทางเรือของญ่ปุ่นและ
ั
่
ั
ี
อานาจทางทะเลของญ่ปุ่นช่วงสงครามโลกคร้งท ๒) สหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกคร้งท ๒) แต่หลังจาก
�
่
ี
ี
่
โดยความเป็นมหาอ�านาจทางทะเลของญี่ปุ่น น่าจะเริ่มต้น ยุทธนาวีท่มิดเวย์ ระหว่างวันท ๔ - ๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๙๔๒
ี
ี
�
ี
จากการเอาชนะสงครามทางเรือต่อรัสเซีย ในการรบท ี ่ ความเป็นมหาอานาจทางทะเลของญ่ปุ่นก็แทบจะหมดไป
ช่องแคบซุชิมา (Battle Tsushima) ในปี ค.ศ. ๑๙๐๕ เนื่องจากสูญเสียเรือเป็นจ�านวนมาก โดยเฉพาะเรือบรรทุก
ี
่
ั
ั
เป็นต้นมา ท้งน้ในช่วงต้นสงครามโลกคร้งท ๒ น้น ถือกันว่า เคร่องบิน ถึง ๔ ลา รวมท้งเคร่องบินและนักบินด้วย ขณะท ่ ี
ั
ี
�
ั
ื
ื
�
“อังกฤษ” มีกองทัพเรือท่ทันสมัยและใหญ่โตมากท่สุด ฝ่ายสหรัฐอเมริกา สูญเสียเรือบรรทุกเคร่องบินเพียง ๑ ลา
ี
ื
ี
�
ในโลก แต่เมื่อมาถึงช่วงกลางสงคราม ซึ่งอังกฤษต้องท�า เรือรบอีกจานวนหน่ง แล้วหลังจากน้น สหรัฐอเมริกาก็ใช้
ึ
ั
32 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๑ เล่มที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

