Page 96 - นาวิกศาสตร์ เดือน กรกฎาคม ๒๕๕๔
P. 96

คอลัมน์ประจำ
            ประทีปธรรม









                                                           กองอนุศาสนาจารย์  กรมยุทธศึกษาทหารเรือ

































            เรื่อง  ใคร่ครวญก่อนจึงทำ



                พฤติกรรมที่คนเราแสดงออกมาให้คนอื่นรับรู้ได้นั้นมีอยู่  ๒  ทาง  คือ  ทางกายและทางวาจา  การจะถูกตำหนิหรือ
            ได้รับการยกย่องเพราะการแสดงออกทั้งสองทางนี้  การไม่ใคร่ครวญพิจารณาหาเหตุผลต้นปลายให้รอบคอบก่อนแล้ว
            ด่วนลงมือทำหรือนำไปพูด  จึงมักเกิดความเสียหายผิดพลาดหรือถูกตำหนิได้  อีกทั้งเมื่อพลาดไปแล้วบางทีก็ยากที่จะแก้ไขได้
            แต่เสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น  ส่วนคำพูดหรือการกระทำที่ดีงามมีคนชื่นชมยกย่องนับถือเพราะมีการใคร่ครวญพิจารณาก่อนแล้ว
            จึงพูดจึงทำ
                ลักษณะการใคร่ครวญ  คือ  การคิดคำนึงให้รอบคอบถึงข้อเท็จจริงและผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น  จากคำที่พูดหรือ
            การกระทำของตนเสียก่อนว่าเป็นอย่างไร  โดยคำนึงถึงความผิดถูกและผลที่ตามมา  เมื่อทราบชัดว่ามีเสียมากกว่า
            ดีก็ไม่ทำ  ต่อเมื่อเห็นว่าดีและมีประโยชน์มากกว่าแล้วจึงพูดจึงทำ  สมดังคำพูด  ที่หน้าสนใจประโยคหนึ่งว่า
            “คิดทุกคำก่อนที่จะพูด  แต่อย่าพูดทุกคำตามที่คิด”  แม้ในการกระทำก็เช่นเดียวกัน  คือ  จะทำอะไรต้องใคร่ครวญให้ดีก่อน
            ไม่ใช่ทำทุกอย่างตามที่คิด
                การพูดการทำโดยมิได้ใคร่ครวญให้ดีก่อน  มักก่อความเสียหายหลายประการ  สำคัญที่สุดคือทำให้สูญเสียความ
            ไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้อื่น  เพราะมองเห็นชัดว่า  ความเสียหายนั้นมิได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งคราว  แต่เกิดจาก
            การกระทำที่เรียกว่าส่งเดช  ขาดวิจารณญาณและการเอาใจใส่  ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายที่ไหนเมื่อใดอีกก็ได้
            ในทางพระพุทธพระศาสนาจึงมีคำสอนว่า  “นิสัมมะ  กะระณัง  เสยโย  -  ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำดีกว่า”  ซึ่งถือว่าเป็น
            เรื่องประเสริฐที่สุด



                                                             นาวิกศาสตร์  ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๐95
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101