Page 16 - การค้าระหว่างประเทศ
P. 16
ใหม่ของเอเชีย (สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง) ประเทศเหล่านี้ส่วนหนึ่งมุ่งเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการ
ผลิตเพื่อการส่งออก เนื่องจากประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก เนื่องจากประเทศไทยมีแรงจูงใจใน
เรื่องค่าใช้จ่ายส าหรับต้นทุนการผลิตถูกกว่าแหล่งอื่น
ในปัจจุบันมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยเมื่อพิจารณาจากช่วงที่ 4 อันเป็นช่วงที่เริ่มมีแผนพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 ประเทศไทยมีการค้าขายคิดเป็นมูลค่า 2600 ล้านบาท หลังจากนั้นในช่วงที่
6 ซึ่งเป็นช่วงปัจจุบัน ในปี 2534 ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่าถึง 1670000 ล้าน
บาท หรือเพิ่มเป็น 64 เท่า เมื่อพิจารณาจากผลิตภัณฑ์ประชาชาติ ปรากฎว่ามูลค่าการค้าระหวางประเทศเพิ่มขึ้น
จากที่เคยเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของ GNP ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1 เป็นร้อยละ 60-70 ของ GNP เมื่อสิ้นสุด
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 6
การที่มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยขยายตัวมากขึ้นนั้นเป็นเพราะการที่ประเทศไทยใช้นโยบาย
เปิดกว้างส าหรับการค้า ขายกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของไทย เพราะภาค
เศรษฐกิจระหว่างประเทศ สามารถช่วยให้เศรษฐกิจไทยเจริญได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งช่วยให้มีการส่งเสริมการ
ลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น อันเป็นกลไกส าคัญส าหรับเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้ด าเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่
การที่เศรษฐกิจของ ไทยเปิดกว้างมากย่อมมีผลท าให้เศรษฐกิจของไทยต้องขึ้นกับเศรษฐกิจโลกหรือเศรษฐกิจ
ประเทศ อุตสาหกรรมใหญ่ ๆ และยังต้องผันผวนไปตามความไม่แน่นอนของตลาดโลกอีกด้วย ถ้าเศรษฐกิจโลกฟื้น
ตัว หรือมีสถานการณ์ดีก็ส่งผลให้ประเทศ ไทยพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย แต่ถ้าเศรษฐกิจโลกผันผวน หรือเกิด
ปัญหาขึ้นย่อมท าให้เศรษฐกิจไทย ประสบอุปสรรคหรือมีปัญหา อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้แนวโน้มการ
เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจระยะยาวจะมีส่วนส าคัญต่อการก าหนดทิศทางเศรษฐกิจไทย ซึ่งรวมถึงแนวโน้มการ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อโครงสร้างของสินค้า เข้าและสินค้าออกของ
ไทย
จากการที่ประเทศไทยมีเศรษฐกิจแบบเปิด มีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม
เช่นเดียวกับประเทศในเอเชียด้วยกันคือ สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และฮ่องกง ดังนั้นในระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา
ท าให้ประเทศต้องน าเข้าสินค้าประเภททุน เช่น เครื่องจักร เครื่องยนต์ และสินค้าประเภทกึ่งวัตถุดิบ และวัตถุดิบ
เช่น โลหะ เคมีภัณฑ์ กระดาษ และเยื่อกระดาษ มูลค่าการน าเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูงเฉลี่ยร้อยละ 18 ต่อปี
มูลค่าของสินค้าเข้าเพิ่มจาก 10287.3 ล้านบาทในปี 2504 เป็น 980000 ล้านบาท ในปี 2534 เมื่อแยกประเภท
ของสินค้าน าเข้าตามลักษณะการใช้ทางเศรษฐกิจแล้วจะเห็นว่าสินค้าบริโภคมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่สินค้า
ประเภทเครื่องจักรที่น ามาใช้เป็นทุนในการผลิตสินค้าอุตสหกรรมมีแนวโน้มสูงขึ้น
เมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้า สินค้าที่มูลค่าการน าเข้าสูงคือสินค้าประเภทเครื่องจักรกลเครื่องจักรไฟฟ้า เครื่อง
ปฏิกรณ์นิวเคลียร์ เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้า เหล็ก และเหล็กกล้า เชื้อเพลิงที่ได้จากแร่ น้ ามัน ยานบก ส่วนประกอบ
และอุปกรณ์ยานบก พลาสติก และของที่ท าด้วยพลาสติกเป็นสินค้าที่มีการน าเข้าในอันดับต้น ๆ (จากสถิติ
เปรียบเทียบสินค้าน าเข้า ปีงบประมาณ 2535 และ 2536 ในเดือนกันยายน) ประเทศที่ไทยน าเข้าสินค้ามากที่สุด

