Page 64 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ม.ปลาย
P. 64

54



                                                                                                     
                                 นอกจากนี้ พระองคยังสนพระราชหฤทัยดานศิลปะการดนตรีเปนอยางยิ่ง
                                                              ี
                                                                         ั
                  ทรงเชี่ยวชาญและโปรดซอสามสาย พระองคมซอคูพระหตถอยคันหนึ่ง พระราชทานนามวา
                                                                              ู
                  “ซอสายฟาฟาด” ทั้งนี้ พระองคยังพระราชนิพนธทํานองเพลงบุหลันลอยเลื่อน (บหลันเลื่อนลอยฟา
                                                                                           ุ
                  หรือ สรรเสริญพระจันทร บางแหงเรียกวา เพลงทรงพระสุบิน) ซึ่งในรัชสมัยของพระองค ศิลปะดาน
                  นาฏกรรมเจริญรุงเรืองมาก ความงดงามไพเราะทั้งบทละคร ทารํา ไดปรับปรุงและใชเปนแบบแผน
                  ทางนาฏศิลปของชาติมาจนปจจุบัน

                                                             ํ
                                                                              ุ
                                                                  
                                                        ํ
                                 ดานการปกครอง ทรงทานุบารุงบานเมองในทกดาน โปรดเกลาฯ ใหสราง
                                                                                                     
                                                                        ื
                  ปอมปราการตาง ๆ สรางเมืองนครเขื่อนขันธ เปนเมืองหนาดานชายทะเลเพื่อปองกันขาศึกรุกราน
                                                                             ั
                                                                   
                                             ั
                                 ดานการคากบตางประเทศ ปรากฏวาการคากบจีนและประเทศทางตะวันตก
                  เฟองฟูมาก ทรงสงเสริมการคากบตางประเทศ โดยทรงสงเรือสําเภาไปคาขายกบจีน เขมร ญวน
                                               ั
                                                                                           ั
                  มลายู มีเรือสินคาของหลวงเดินทางไปจีนเปนประจํา รวมทั้งประเทศตะวันตกตาง ๆ เชน โปรตุเกส
                  อังกฤษ เปนตน นํารายไดเขาสูประเทศจํานวนมาก
                                                            
                                                                                             ั้
                                                                                                
                                                                                                    
                                                                          
                                 ดานสังคม ทรงพระราชดําริวา การสูบฝนเปนอันตรายแกผูสูบ ทงกอใหเกิดคดี
                                                                                      
                                                                                                       ิ
                  อาชญากรรมขึ้นมาก แมฝนจะนํารายไดจํานวนมากเขาพระคลังหลวง แตดวยพระมหากรุณาธคุณ
                                        
                                                             
                                                           ิ
                  ที่มีตอราษฎร ทรงตราพระราชกําหนดหามมใหซื้อขายและสูบฝน ทรงกําหนดบทลงโทษสําหรับ
                                                       
                  ผูฝาฝนไวอยางหนัก
                                                                                                 ี
                                                                                                        ู
                                 สวนการพระศาสนา ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหริเริ่มการประกอบพิธวิสาขบชา
                  ขึ้นใน พ.ศ. 2360 เปนครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย
                                      
                                                    ํ
                  ทรงบริหารราชการโดยการกระจายอานาจการบริหารไปสูบคคลที่มีความสามารถในดานตาง ๆ
                                                                         ุ
                                                                                        
                                                                                  ี่
                  ทรงมอบอานาจการบริหารราชการแผนดินแกเจานายและขุนนางททรงไววางพระราชหฤทย
                                                              
                                                                                                         ั
                           ํ
                                             ั
                  ทรงสงเสริมใหขาราชการปฏิบติหนาที่ราชการตามความสามารถและความถนัดของบุคคลนั้น ๆ
                  การปกครองหัวเมืองประเทศราช ทรงใชนโยบายสรางดุลอํานาจของขุนนางในการบริหาร การปกครอง
                                                                                                      ั
                  ดานความสัมพันธระหวางประเทศ ทรงใชนโยบายการทหาร การทต และการคา ควบคูกนไป
                                                                                 ู
                                  
                                                                         
                                                 ั
                                                                          
                                                                               ื
                  ตามแตสถานการณ ตลอดรัชสมยของพระองค สงผลใหบานเมองมความสุข พสกนิกรไทย
                                                                                    ี
                                                                  ั
                                                                                                        
                                         ี
                  ตางตระหนักถึงพระบารมปกเกลาดานพุทธศาสนา อกษรศาสตร ศิลปะ และนาฏยศิลป อนเปน
                                                                                                  
                                                                                                     ั
                  ตนแบบแหงศาสตรและศิลปนานัปการ
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69