Page 161 - 6. thai 31001
P. 161

152


                  การอานวรรณคดีเพื่อพิจารณาคุณคาดานวรรณศิลป

                                   
                                ิ
                         วรรณศลป    มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน  พ.ศ.  2542  วา  ศิลปะ
                  ในการแตงหนังสือ  ศิลปะทางวรรณกรรม วรรณกรรมที่ถึงขั้นวรรณคดี หนังสือที่ไดรับการยกยองวา แตงดี

                         จากความหมายนี้ การพิจารณาคุณคาดานวรรณศิลปตองศึกษาตั้งแตการเลือกชนิด
                  คําประพันธใหเหมาะสมกับประเภทงานเขียน  ถูกตองตรงความหมาย เหมาะกับบุคคลหรือตัวละคร

                  ในเรื่องและรสวรรณคดี การรูจักตกแตงถอยคําใหไพเราะสละสลวยอันเปนลักษณะเฉพาะภาษากวี
                  และทําใหผูอานเกิดความสะเทือนอารมณ

                         ภาษากวีเพื่อสรางความงดงามไพเราะแกบทรอยแกวรอยกรองนั้น มีหลักสําคัญที่เกี่ยวของกัน

                  3 ดาน ดังนี้
                         1.  การสรรคํา

                         2.  การเรียบเรียงคํา
                         3.  การใชโวหาร

                         การสรรคา    คือ การเลือกใชคําใหสื่อความคิด  ความเขาใจ  ความรูสึกและอารมณไดอยาง
                                  ํ
                  งดงามโดยคํานึงถึงความงามดานเสียง  โวหาร  และรูปแบบคําประพันธ  การสรรคําทําได ดังนี้
                         การเลือกคําใหเหมาะแกเนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง

                         การใชคําใหถูกตองตรงตามความหมาย

                         การเลือกใชคําพองเสียง  คําซ้ํา
                         การเลือกใชคําโดยคํานึงถึงเสียงสัมผัส

                         การเลือกใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ

                         การเลือกใชคําไวพจนไดถูกตองตรงตามความหมาย
                         การเรียบเรียงคํา  คือ การจัดวางคําที่เลือกสรรแลวใหมาเรียบเรียงกันอยางตอเนื่องตามจังหวะ

                  ตามโครงสรางภาษาหรือตามฉันทลักษณ ซึ่งมีหลายวิธี เชน
                         จัดลําดับความคิดหรือถอยคําจากสิ่งสําคัญจากนอยไปหามาก จนถึงสิ่งสําคัญสูงสุด

                         จัดลําดับความคิดหรือถอยคําจากสิ่งสําคัญนอยไปหามาก แตกลับหักมุมความคิดผูอาน เมื่อถึงจุดสุด

                         จัดลําดับคําใหเปนคําถามแตไมตองการคําตอบหรือมีคําตอบอยูในตัวคําถามแลว
                         เรียงถอยคํา เพื่อใหผูอานแปลความหมายไปในทางตรงขามเพื่อเจตนาเยาะเยย  ถากถาง

                         เรียงคําวลี ประโยคที่มีความสําคัญเทา ๆ กัน เคียงขนานกันไป
                         การใชโวหาร  คือ การใชถอยคําเพื่อใหผูอานเกิดจินตภาพ เรียกวา “ภาพพจน” ซึ่งมีหลายวิธี

                  ที่ควรรูจัก  ไดแก

                         อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งวาเหมือนกับสิ่งหนึ่งโดยมีคําเปรียบปรากฏอยู
                  ดวยคําเปรียบเทียบเหลานี้ไดแก  เหมือน ดุจ เลห เฉก ดัง กล  เพียง ราว ปูน

                                                                                             ื
                                                                              ่
                         อุปลักษณ  คือ การเนนความหมายวา สิ่งหนึ่งเหมือนกับสิงหนึ่งมากจนเหมอนกบ
                                                                                                 ั
                                  
                  เปนสิ่งเดียวกันโดยใชคําวา เปน กับ คือ เชน  “แมเปนโสมสองหลา” “สุจริตคือเกราะบังศาสตรพอง”
                    
   156   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166