Page 50 - sc 21001
P. 50
42
ั
์
์
ื
่
เรองที ลักษณะรูปรางของเซลลพืชและเซลลสตว ์
ื
ื
่
ิ
่
ี
ิ
ี
ุ
ี
่
็
เซลล์ (Cell) คอ หนวยทเล็กทสดของส งมีชวิต เปนหนวยเร มต้นหรอหนวยพื นฐานของ
ทกชวิต
ุ
ี
ประวัติการศกษาเซลล ์
ึ
ี
ิ
ุ
ุ
์
ุ
ป ค.ศ. 1665 รอเบรต ฮก นักวิทยาศาสตรชาวอังกฤษ ได้ประดษฐ์กล้องจลทรรศน์ทมีคณภาพด ี
์
ี
ิ
่
่
์
่
และได้สองดูไม้คอรกทเฉอนบาง ๆ และได้พบชองเล็กๆ จํานวนมาก จงเรยกชองเล็ก ๆ น ว่า เซลล์
ี
ี
ี
ึ
ื
ุ
ี
่
ี
ี
็
่
็
ื
(cell) เซลล์ทฮกพบนั นเปนเซลล์ทตายแล้ว การทคงเปนชองอยูได้ก็เนองจากการมีผนังเซลล์นั นเอง
ี
ื
ื
ิ
่
ป ค.ศ. 1824 ดวโทเชท์ ได้ศึกษาเน อเยื อพืชและเน อเยื อสัตว์ พบว่าประกอบด้วยเซลล์เชนกัน
ี
่
แตมีลักษณะทแตกตางกันอยูบ้าง
่
่
์
ิ
์
ี
ป ค.ศ. 1831 รอเบรต บราวน์ นักพฤกษศาสตรชาวอังกฤษ ได้ศึกษาเซลล์ขนและเซลล์อื น ๆ
ิ
ี
ื
่
ึ
ของพืช พบว่ามีก้อนกลมขนาดเล็กอยูตรงกลาง จงให้ชอก้อนกลมน ว่า นวเคลียส (Nucleus)
์
ิ
ื
ี
่
ป ค.ศ. 1838 มัตทอัส ยาคบ ชไลเดน นักพฤกษศาสตรชาวเยอรมันได้ศึกษาเน อเยื อพืชตาง ๆ
และสรปว่า เน อเยื อทกชนดประกอบด้วยเซลล์
ื
ุ
ุ
ิ
ื
ี
์
ป ค.ศ. 1839 เทโอดอร ชวันน์ นักสัตววิทยาชาวเยอรมัน ได้ศึกษาเน อเยื อสัตว์ตางๆ แล้ว
่
ื
ี
ึ
ี
ุ
ิ
ึ
ุ
ี
สรปว่าเน อเยื อสัตว์ทกชนดประกอบข นด้วยเซลล์ ดังนั น ในปเดยวกันน ชวันน์และชไลเดน จงได้
ึ
่
ี
ึ
ิ
รวมกันตั ง ทฤษฎีเซลล (Cell Theory) ซงมีใจความสําคัญว่า ส งมีชวิตทั งหลายประกอบข นด้วยเซลล์
์
ุ
ิ
่
ิ
และเซลล์ คอ หนวยพื นฐานของส งมีชวิตทกชนด
ื
ี
ํ
ั
ทฤษฎีเซลลในปจจุบันครอบคลุมถึงใจความสาคัญ 3 ประการ คือ
์
ิ
ี
ุ
ี
ึ
ื
1. ส งมีชวิตทั งหลายอาจมีเพียงเซลล์เดยว หรอหลายเซลล์ ซงภายในมีสารพันธกรรม และ
มีกระบวนการเมแทบอลิซม ทําให้ส งมีชวิตดํารงชวิตอยูได้
่
ึ
ี
ี
ิ
็
2. เซลล์เปนหนวยพื นฐานทเล็กทสดของส งมีชวิต ทมีการจัดระบบการทํางานภายใน
ี
ุ
่
ี
ี
ิ
ี
้
โครงสรางของเซลล์
ิ
3. เซลล์มีกําเนดมาจากเซลล์แรกเร ม เซลล์เกดจากการแบงตัวของเซลล์เดม แม้ว่าชวิตแรกเร ม
่
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
่
จะมีวิวัฒนาการมาจากส งไม่มีชวิต แตนักชววิทยายังคงถือว่าการเพิ มข นของจํานวนเซลล์เปนผล
ี
ี
็
ึ
ิ
ื
ื
สบเนองมา จากเซลล์รนก่อน
ุ่
์
่
ป ค.ศ. 1839 พูรคนเย นักสัตววิทยา ชาวเชโกสโลวาเกย ได้ศึกษาไขและตัวอ่อนของสัตว์ตางๆ
่
ิ
ี
ี
ึ
ี
ุ่
ี
ี
ึ
ได้พบว่าภายในมีของเหลวใส เหนยว และอ่อนนม จงได้เรยกของเหลวใสน ว่า โพรโทพลาซม (Protoplasm)
ี
ป ค.ศ. 1868 ทอมัส เฮนร ฮักซ์ลีย์ แพทย์ชาวอังกฤษศึกษาโพรโทพลาซมและพบว่า
ึ
ี
โพรโทพลาซมเปนรากฐานของชวิตเนองจากปฏิกรยาตาง ๆ ของเซลล์เกดขึ นทโพรโทพลาซม
ึ
็
ึ
ื
่
ี
ิ
ิ
ี
ิ
ิ
ป ค.ศ. 1880 วัลเทอร เฟลมมิง นักชววิทยาชาวเยอรมันได้ค้นพบว่าภายในนวเคลียสของเซลล์
ี
ี
์
ตาง ๆ มีโครโมโซม
่

