Page 48 - ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์2564
P. 48
- ๔๘ - ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ
ทรัพย์สินที่ท ำลำยหรือบุบสลำยไซร้ เงินจ ำนวนนี้ท่ำนยังมิให้ส่งมอบแก่ผู้รับจ ำนอง ผู้รับจ ำน ำ หรือ
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ื่
เจ้ำหนี้มีบุริมสิทธิคนอน ก่อนที่หนี้ซึ่งได้เอำทรัพย์นี้เป็นประกันไว้นั้นจะถึงก ำหนด และถ้ำคู่กรณีไม่
ี
ี
ี
สำมำรถจะตกลงกับลูกหนี้ได้ไซร้ ท่ำนว่ำต่ำงฝ่ำยต่ำงมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้น ำเงินจ ำนวนนั้นไปวำงไว้
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ณ ส ำนักงำนวำงทรัพย์เพื่อประโยชน์อันร่วมกัน เว้นแต่ลูกหนี้จะหำประกันให้ไว้ตำมสมควร
ี
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ี
ส่วนที่ ๓
กำรใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ี
มำตรำ ๒๓๓ ถ้ำลูกหนี้ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้องหรือเพกเฉยเสียไม่ใช้สิทธิ
ิ
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ นนำมของ
เรียกร้อง เป็นเหตุให้เจ้ำหนี้ต้องเสียประโยชน์ไซร้ ท่ำนว่ำเจ้ำหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องนั้นใ
ี
ี
ตนเองแทนลูกหนี้เพอป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้นั้นก็ได้ เว้นแต่ในข้อที่เป็นกำรของลูกหนี้ส่วนตัว
ื่
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
โดยแท้
ี
ี
ี
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
มำตรำ ๒๓๔ เจ้ำหนี้ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้นั้นจะต้องขอหมำยเรียกลูกหนี้มำ
ในคดีนั้นด้วย
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ี
มำตรำ ๒๓๕ เจ้ำหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เรียกเงินเต็มจ ำนวนที่ยังค้ำง
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
่
ช ำระแกลูกหนี้ โดยไมต้องค ำนึงถึงจ ำนวนที่ค้ำงช ำระแก่ตนก็ได้ ถ้ำจ ำเลยยอมใช้เงินเพียงเท่ำจ ำนวนที่
่
ลูกหนี้เดิมค้ำงช ำระแก่เจ้ำหนี้นั้น คดีก็เป็นเสร็จกันไป แต่ถ้ำลูกหนี้เดิมได้เข้ำชื่อเป็นโจทก์ด้วย ลูกหนี้
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ี
เดิมจะขอให้ศำลพิจำรณำพิพำกษำต่อไปในส่วนจ ำนวนเงินที่ยังเหลือติดค้ำงอยู่ก็ได้
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
แต่อย่ำงไรก็ดี ท่ำนมิให้เจ้ำหนี้ได้รับมำกไปกว่ำจ ำนวนที่ค้ำงช ำระแก่ตนนั้นเลย
ี
ี
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
มำตรำ ๒๓๖ จ ำเลยมีข้อต่อสู้ลูกหนี้เดิมอยู่อย่ำงใด ๆ ท่ำนว่ำจะยกขึ้นต่อสู้เจ้ำหนี้
ี
ี
ี
ได้ทั้งนั้น เว้นแต่ข้อต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยื่นฟ้องแล้ว
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ส่วนที่ ๔
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ี
เพิกถอนกำรฉ้อฉล
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
มำตร
ีำ ๒๓๗ เจ้ำหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศำลเพิกถอนเสียได้ซึ่งนิติกรรมใด ๆ อัน
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ลูกหนี้ได้กระท ำลงทั้งรู้อยู่ว่ำจะเป็นทำงให้เจ้ำหนี้เสียเปรียบ แต่ควำมข้อนี้ท่ำนมิให้ใช้บังคับ ถ้ำปรำกฏ
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ั
ว่ำในขณะที่ท ำนิติกรรมนั้น บุคคลซึ่งเป็นผู้ได้ลำภงอกแต่กำรนั้นมิได้รู้เท่ำถึงข้อควำมจริงอนเป็นทำง
ี
ี
ี
ให้เจ้ำหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย แต่หำกกรณีเป็นกำรท ำให้โดยเสน่หำ ท่ำนว่ำเพยงแต่ลูกหนี้เป็นผู้รู้
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ฝ่ำยเดียวเท่ำนั้นก็พอแล้วที่จะขอเพิกถอนได้
ี
ี
ี
ั
บทบัญญัติดังกล่ำวมำในวรรคก่อนนี้ ท่ำนมิให้ใช้บังคับแก่นิติกรรมใดอนมิได้มีวัตถุ
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
เป็นสิทธิในทรัพย์สิน
ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎกำ
ี
ี
ี

