Page 120 - merged (pdf.io)
P. 120

รหัสวิชา
                วิชา  งานเชื่อมและโลหะแผ่นเบื้องต้น        ใบเนื้อหา
                                                                                     2100 - 1005

                       เรื่อง  งานเชื่อมแก๊ส           สัปดาห์ที่ 3-4-5-6              แผ่นที่  8


                   3) เปลวออกซิไดซิง (Oxidizing  Flame)
                       เป็นเปลวไฟที่ได้มาจากการผสมกันระหว่างแก๊สออกซิเจนกับแก๊สอะเซทิลีนโดยปรับให้ออกซิเจนมาก
               กว่าอะเซทิลีน  ลักษณะเปลวมี  2  ชั้น  เปลวชั้นในเป็นรูปกรวยแหลมหดสั้น  เปลวนี้มีอุณหภูมิสูงกว่าเปลว

               อีก 2 ชนิด ที่กล่าวมาคือ มีอุณหภูมิประมาณ 6,300 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ  3,480 องศาเซลเซียส  เมื่อท้า
               การเชื่อมจะเกิดประกายไฟหรือสะเก็ดไฟกระเด็นออกมาจากบ่อหลอมเหลว  ท้าให้เกิดฟองอากาศไม่เหมาะสม
               ที่จะน้าไปใช้เชื่อมเหล็ก  เพราะการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จะมีออกซิเจนหลงเหลืออยู่และจะถูกเติมลงในเนื้อ
               เหล็ก  ท้าให้แนวเชื่อมเปราะ แต่นิยมน้าไปใช้ในการตัดโลหะแผ่นบาง


















                                       รูปที่ 4.9  ที่มา : แสดงลักษณะของเปลวออกซิไดซิง
                                 http://www.supradit.com/contents/metal/Data/1/2.html
               4.4    เทคนิคในการเชื่อมแก๊ส
                       เมื่อมีความประสงค์จะเชื่อมโลหะสองชิ้นให้ติดกัน  ก่อนอื่นต้องเชื่อมยึด (Tack Weld) ที่ ขอบของงาน
               ทั้งสองข้างให้งานทั้งสองชิ้นติดกันเสียก่อน  แล้วจึงเริ่มเชื่อมจากทางขวาไปทางซ้ายด้วยเปลวนิวทรัล โดยให้หัว
               ทิพเอนท้ามุมกับชิ้นงาน 45  องศา  ส่วนลวดเชื่อมที่ใช้เติมลงในรอยต่อเพิ่มเนื้อโลหะก็เอียงท้ามุม  45 องศา

               กับชิ้นงานเช่นกัน   เมื่อขอบของงานเริ่มหลอมละลายจึงเติมลวดลงไป  และเริ่มเดินหัวทิพไปทางซ้ายด้วย
               ความเร็วสม่้าเสมอ แต่ผู้ปฎิบัติการเชื่อมต้องรักษาระยะห่างระหว่างปลายของปลายหัวทิพหรือ แกนกรวย

               (Inner Cone) ให้ห่างจากบ่อหลอมละลายหรือชิ้นงาน ประมาณ 3 มิลลิเมตร(  นิ้ว) ดังรูป













                                         รูปที่ 4.10  แสดงทิศทางและมุมในการเชื่อมแก๊ส


                                              ที่มา : นริศ  ศรีเมฆ ,2545 หน้า 58
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125