Page 15 - วิชาพะเยาเมืองศักดิ์สิทธิ์แก้ไขล่สุด
P. 15

พระยาเจื๋องธรรมมิกราช หรือ ขุนเจื๋อง
                            พระยาเจื๋องธรรมมิกราช หรือ ขุนเจื๋อง ประสูติเมื่อปีพุทธศักราช 1641 เป็นโอรสของขุนจอมธรรม เมื่อ

               เจริญวัยขึ้น ทรงศึกษาวิชายุทธศาสตร์ เช่น วิชาดาบ มวยปล้ำ เพลงชัย จับช้าง จับม้า และเพลงอาวุธต่าง ๆ เมื่อ

                                                      ื
                                                                       ื
               พระชนมายุได้ 16 ปี พาบริวารไปคล้องช้างที่เมองน่าน เจ้าผู้ครองเมองน่าน เห็นความสามารถแล้วพอพระทัย ยก
               ธิดาชื่อ “ จันทร์เทวี” ให้เป็นชายาขุนเจื๋อง พระชนมายุได้ 17 ปี พาบริวารไปคล้องช้างที่เมืองแพร่ เจ้าผู้ครองเมือง
               แพร่พอพระทัย จึงยกธิดาชื่อ “ นางแก้วกษัตริย์” ให้เป็นชายา พระราชทานช้าง 200 เชือก ขุนเจื๋องครองราชย์สืบ

               แทนขุนจอมธรรมเมื่อพระชนมายุ 24 ปี ครองเมืองได้ 6 ปี มีข้าศกแกว (ญวน) ยกทพมาประชิดนครเงินยางเชียง
                                                                                    ั
                                                                     ึ
               แสน ขุนชินผู้เป็นลุง ได้ส่งสาส์นขอให้ส่งไพร่พลไปช่วย ขุนเจื๋องได้รวบรวบรี้พลยกไปชุมนุมกันที่สนามดอนไชย
               หนองหลวง และเคลื่อนทัพเข้าตีข้าศกแตกกระจัดกระจายไป เมื่อขุนชินทราบเรื่องก็เลื่อมใสโสมนัสยิ่งนัก ทรงยก
                                             ึ
               ธิดาชื่อ “ พระนางอั๊วคำคอน” ให้และสละราชสมบัตินครเงินยางเชียงแสนให้ขุนเจื๋องครองแทน เมื่อขุนเจื๋องได้
               ครองราชเมืองเงินยางแล้ว ทรงพระนามว่า “ พระยาเจื๋องธรรมมิกราช” ได้มอบสมบัติให้โอรสชื่อ“ ลาวเงินเรือง”

               ครองเมืองพะเยาแทน หัวเมืองใหญ่น้อยเหนือใต้ยอมอ่อนน้อม ได้ราชธิดาแกวมาเป็นชายานามว่า “ นางอแก้ว”
                                                                                                      ู่
                                       ื
               ขุนเจื๋อง มีโอรส 3 พระองค์คอ ท้าวผาเรือง ท้าวคำห้าว และท้าวสามชุมแสง ต่อมายกราชสมบัติเมืองแกวให้ท้าว
               ผาเรือง ให้ท้าวคำห้าวไปครองเมืองล้านช้าง ท้าวสามชุมแสงไปครองเมืองน่าน ต่อมาได้โยธาทัพเข้าตีเมืองต่างๆ ที่

               ยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ ทรงชนช้างกับศัตรูเสียทีข้าศึกเพราะชราภาพ จึงถูกฟันคอขาดและสิ้นพระชนม์บนหลังช้าง
               พวกทหารจึงนำพระเศียรไปบรรจุไว้ที่พระเจดีย์เมืองเหรัญนครเชียงแสน  ขุนเจื๋องครองราชย์สมบัติครองแคว้น

               ล้านนาไทยได้ 24 ปี ครองเมืองแกวได้ 17 ปี รวมพระชนมายุ 67 ปี   ฝ่ายท้าวจอมผาเรืองราชบุตรขึ้นครองราช
               สมบัติเมืองพะเยาได้ 14 ปี ก็ถึงแก่พิราลัย ขุนแพงโอรสครองราชย์ แทนได้ 7 ปี ขุนซอง ซึ่งมีศกดิ์เป็นน้า แย่งราช
                                                                                            ั
               สมบัติ และได้ครองราชย์เมืองพะเยาต่อมาเป็นเวลา 20 ปี และมีผู้ขึ้นครองราชย์สืบต่อมา

               พ่อขุนงำเมอง
                         ื
                             พ่อขุนงำเมือง เป็นกษัตริย์เมืองพะเยาองค์ที่ 9 นับจากพอขุนจอมธรรม ประสูติเมื่อพุทธศักราช 1781
                                                                       ่
               เป็นราชบุตรของพ่อขุนมิ่งเมือง สืบเชื้อสายมาจากท้าวจอมผาเรือง เมื่อพระชนมายุ 14 ปี พระราชบิดาส่งไปศึกษา

               เล่าเรียนศิลปะศาสตร์เทพในสำนักเทพอิสิตนอยู่ภูเขาดอยด้วน 2 ปี จึงจบการศึกษา เมื่อพระชนมายุได้ 16 ปี พระ

               ราชบิดาส่งไปศึกษาต่อ ขอถวายตัวอยู่ในสำนักสุกันตฤาษี ณ กรุงละโว้ (ลพบุรี) จึงได้รู้จักคุ้นเคยกับ พระร่วงเจ้า
               แห่งกรุงสุโขทัย สนิทสนมผูกไมตรีต่อกันอย่างแน่นแฟ้น ศึกษาศิลปศาสตร์ร่วมครูอาจารย์เดียวกันเป็นสหายกัน

               ตั้งแต่นั้นมา ทรงเป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เช่นเดียวกับพระร่วงเจ้า เมื่อเรียนจบก็เสด็จกลับเมืองพะเยา ปีพุทธศักราช
                                                                          ่
               1310 พระราชบิดาสิ้นพระชนม์ จึงครองราชย์สืบแทน ตำนานกล่าวถึงพอขุนงำเมืองไว้ตอนหนึ่งว่า ทรงเป็นศรัทธา
               เลื่อมใสใน พระพุทธศาสนา ไม่ชอบสงคราม ปกครองบ้านเมืองด้วยความเที่ยงธรรม ผูกไมตรีจิตต่อประเทศราช

               และเพอนบ้าน ขุนเม็งรายเคยคิดยกทัพเข้าบดขยี้เมืองพะเยา พ่อขุนงำเมืองล่วงรู้เหตุการณ์ ก่อนแทนที่จะยกทัพ
                     ื่
               เข้าต่อต้าน ได้สั่งไพร่พลให้อยู่ในความสงบ สั่งให้เสนาอำมาตย์ออกต้อนรับโดยดี เชิญขุนเม็งรายเสวยพระกระยา

               หารและเลี้ยงกองทัพให้อิ่ม ขุนเม็งรายจึงเลิกการทำสงคราม แต่นั้นมา พ่อขุนงำเมือง จึงยกเมืองปลายแดน ซึ่งมี

               เมืองพาน เมืองเชี่ยงเคี่ยน เมืองเทิง และเมืองเชียงของ ให้แก่พระเจ้าเม็งราย และทำสัญญาปฏิญาณต่อกันจะเป็น
                                                                                ่
                                                                ็
               มิตรต่อกันตลอดไป    ฝ่ายพระยาร่วงซึ่งเป็นสหายคนสนิทกได้ถือโอกาสเยี่ยมพอขุนงำเมืองปีละ 1 ครั้ง ส่วนใหญ่
               เสด็จในฤดูเทศกาลสงกรานต์ ได้มีโอกาสรู้จักขุนเม็งรายทั้ง 3 องค์ ได้ชอบพอเป็นสหายกัน เคยหันหลังเข้า พิงกัน
                                  ่
               กระทำสัจจปฏิญาณแกกัน ณ ริมฝั่งแม่น้ำขุนภู ว่าจะไม่ผูกเวรแก่กัน จะเป็นมิตรสหายกัน กรีดโลหิตออกรวมกันขัน
                                                                ิ
               ผสมน้ำ ทรงดื่มพร้อมกัน (ภายหลังแม่น้ำนี้ได้ชื่อว่า แม่น้ำอง)
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20