Page 14 - วารสาร รพ.สุรินทร์ เล่ม 33
P. 14
ื
่
ั
ในชองปาก (Opticalaxis) อตราสวนของภาพคอ 1 : 1 Speed Setting
่
เท่ากับ 80 การเปิดรูรับแสง (F.Stop) เท่ากับ 22 ตั้งค่า Ring Flash ที่
Manual เศษ 1 ส่วน 2
1.5 เพื่อให้แน่ใจว่าต�าแหน่งของฟันทั้งหมดที่จะถ่ายครอบคลุม
หรือไม่ จุดศูนย์กลางของภาพเมื่อมองใน Viewfinder ของกล้องให้อยู่ที่
ตาแหน่งซ่แรกหรือซ่ท่สองของฟันกรามน้อย (ฟันซ่ก่อนท่จะถึงฟันกราม
ี
ี
ี
ี
�
ี
่
้
็
์
่
ภาพถายทางการแพทย เปนวิธีการหนึ่งที่จะชวยใหแพทยสามารถ (Premolar)) ส่วนโค้งของฟันต้องอยู่ตรงกลางของเฟรมภาพ (The
์
้
ู
์
�
้
้
่
ื
ี
วิเคราะสังเคราะหการเกิดโรคของผปวย เพ่อท่จะทาการรักษาไดถูกตอง Middle of Frame) (ภาพที่ 3)
ี
รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ รวมถึงเป็นกรณีศึกษาของนักศึกษาแพทย์ท่มา
ิ
ู
ี
่
เพ่มพนทักษะ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวม Case ทน่าสนใจ, การถ่ายภาพ
ั
ผ้ป่วย เพอเปรยบเทยบก่อนและหลงการรกษา, ถ่ายภาพ Specimen,
ั
่
ื
ู
ี
ี
ื
ถ่ายภาพเพ่อการเปรียบเทียบขนาดเล็ก-ใหญ่ (Comparison Scale),
ื
ถ่ายภาพเพ่อการชันสูตร (Autopsy), การถ่ายภาพในห้องผ่าตัด,
การถ่ายภาพทางคลินิก ฯลฯ
้
ภาพประกอบทางการแพทยที่สมบรูณ ภาพนั้นตองมีความตรงไป
์
์
ื
ตรงมา, ชัดเจน ต้องส่อถึงตาแหน่งของรอยการเกิดโรคในสรีระ
�
มนุษยอยางชัดเจนวา รอยการเกิดโรคน้นอยบริเวณใดของรางกายมนุษย 2.การถ่ายภาพในช่องปากขากรรไกรด้านล่าง (Occlusal
่
ั
์
่
์
่
ู
่
(Land Mark) ช่างภาพการแพทย์ นอกจากจะต้องมีบุคลิกและการ Mandibular Photography)
แตงกายที่ดี จะตองมีจิตใจที่มีเมตตา กรุณา พูดจาดี สุภาพและออนโยน 2.1 จัดท่าผู้ป่วยเหมือนข้อ 1.1 แล้วช่างภาพการแพทย์เข้าถ่าย
่
้
่
่
่
ิ
้
�
�
ู
ทาใหผปวยเกดความประทบใจ และรสึกวาตนเองมีความสาคัญ ทาให้เกิด ภาพทิศทางด้านหน้าอกของผู้ป่วย (ภาพที่ 4)
้
้
ั
�
ู
�
ความร่วมมือให้การถ่ายภาพสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี ช่างภาพการแพทย์ 2.2 ทาตามข้นตอนท่อธิบายในข้อ 1.2, ข้อ 1.3, ข้อท่ 1.4, ข้อท่ 1.5
ั
ี
ี
ี
�
้
ิ
ี
�
้
่
ี
ยังตองมีเทคนิคการถายภาพ สามารถควบคุมแสงในสภาพแวดลอมท่จากัด 2.3 การถ่ายภาพข้นตอนน้อาจจะได้รับการรบกวนจากล้น
ั
ิ
และเลือก Function, การเปดรูรับแสง (F.Stop), Speed Setting ของ ผู้ป่วยที่กระดกขึ้น-ลง ท�าให้การถ่ายภาพใน Shot นี้ ยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีก
ึ
กล้อง รวมถึงการเลือกมุมกล้องในการถ่ายภาพผ้ป่วยให้ส่อถงตาแหนง ่
ู
�
ื
ของรอยการเกิดโรค (Include Land Mark) ใหถูกตองตามหลกวชาการ
ิ
้
้
ั
เทคนิคในการถ่ายท�า
1.การถ่ายภาพในช่องปากขากรรไกรด้านบน (Occlusal
Maxillary Photograhy)
1.1 จัดท่าผู้ป่วยในเก้าอี้ผู้ป่วยทันตกรรมโดยให้ศีรษะของผู้ป่วย
ื
เงยข้นเป็นมุม 45 องศา เพ่อท่จะสามารถใส่หรือถอดอุปกรณ์ช่วยในการ
ึ
ี
ถ่างปากผู้ป่วยได้สะดวก แล้วช่างภาพการแพทย์เข้าถ่ายภาพทิศทางด้าน ก่อนที่จะท�าการใส่กระจกเข้าไปในช่องปากผู้ป่วย ให้บอกผู้ป่วยว่า
ิ
ิ
หัวของผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยกระดกล้นและอธิบายว่า ให้ผู้ป่วยรู้สึกเหมือนให้กระจกดันล้น
ี
�
1.2 ให้ผู้ป่วยอ้าปากกว้างท่สุดเท่าท่จะทาได้ เลือกขนาดของ ผู้ป่วยไว้ ในประสบการณ์ของผู้เขียนเองพบว่า ในผู้ป่วยหลายๆ ราย
ี
ี
ิ
�
กระจกสะท้อนภาพ ท่เหมาะสม และใส่กระจกสาหรับสะท้อนภาพในมุม ไม่ค่อยได้รับความสะดวกนัก ในการทาลักษณะน้และจะฝืนกระดกล้น
�
ี
ี
ิ
45 องศา อย่างระมัดระวัง ให้เห็นภาพสะท้อนในกระจกทั้งหมด ซึ่งจะมี ดันกระจก ในกรณีน้ บอกให้ผู้ป่วยกระดกล้นไว้บนเพดานปากตามความ
ลักษณะโค้งตามกายวิภาคของฟัน (ภาพที่ 1) เคยชินของผู้ป่วยเอง แล้วค่อยถ่ายภาพ
่
ี
่
ี
1.3 ใส่กระจกขนาดท่เหมาะสมเข้าไปด้านในปากให้ตาลงห่างจาก การถ่ายภาพ “งานผาตัดศัลยกรรมชองปากและแม๊กซิลโลเฟเช่ยล”
�
่
ี
ขากรรไกรด้านบนเท่าท่จะห่างได้ และไม่ให้กระทบกับฟัน ให้ผู้ช่วยถ่ายภาพ (Medical Photography : Oral and Maxillofacial Surgery) มีความยุ่งยาก
ึ
จับกระจกไว้ให้นิ่ง ถ้ามีการเกิดฝ้ามัวบนกระจก (Fogging) ให้ใช้ลมจาก และท้าทายแตกต่างกันออกไป ข้นอยู่กับกายวิภาคในช่องปากของผู้ป่วย
Blowing Air จากยูนิตท�าฟันเป่าเบาๆ เพื่อขจัดฝ้าที่จับกระจก แต่ละคน ช่างภาพการแพทย์ต้องมีการฝึกฝนการใช้กล้อง รวมทั้งทักษะ
1.4 Set Up กล้องในมุม 45 องศากับกระจกสะท้อนภาพ (Occlusal ในการหามุมเข้าถ่ายภาพ และ Focus ให้เร็ว กดชัตเตอร์ให้น้อยครั้งใน
ี
Plane) (ภาพท่ 2) ควรให้ได้ภาพขนานกับระนาบของ View Finder ของ แต่ละ Shot เพื่อผู้ป่วยจะได้ไม่ต้องอ้าปากนาน ในบางรายอาจมีความ
ี
ื
กล้อง (View Finder Plane) ผลที่ได้จะได้มุม 90 องศากับแกนของภาพ เจ็บปวดร่วมด้วย และภาพท่ได้มาต้องส่อความหมาย ตรงไปตรงมาถูก
ต้องตามหลักทฤษฎีการถ่ายภาพทางการแพทย์
อางอง : Graduate Program Director and Associate Professor,From the
้
ิ
Department of Operative Dentistry, The University of Iowa, Iowa city, IA
เยาวดี ทวีวงศ., การถายภาพทางการแพทย, คณะแพทยศาสตร ศิริราชพยาบาล
่
์
์
์
์
มหาวิทยาลัยมหิดล : กรุงเทพฯ, ไพศาลศิลปการพิมพ 2543
12

