Page 18 - วารสารโรงพยาบาลสุรินทร์ ฉบับ 41
P. 18
เตือนภัย 6 โรคยอดฮิต และหูชั้นกลางอักเสบ เป็นต้น ทั้งนี้หัดจะติดต่อทางลมหายใจ ไอ จาม
กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดโรคนี้คือวัยเด็กช่วงอายุ 5 - 9 ปี
ที่มากับหน้าหนาว วิธีการรักษา
โรคหัดไม่ใช่โรคร้ายแรงนัก แต่ยังไม่มียารักษาโดยตรง จึงต้องรักษา
ื
ี
ี
้
�
ื
ฤดูหนาว เป็นช่วงเวลาท่อากาศเย็นลง และบางพ้นท่อาจเย็นลง ตามอาการ เช่น รับประทานยาลดไข้ ด่มนามากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
ื
ี
ั
�
เฉียบพลัน ทาให้อุณหภูมิร่างกายเปล่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากสภาพอากาศ อาการต่างๆ จะทุเลาลงเอง แต่หากมีภาวะแทรกซ้อนอ่นๆ เช่น หายใจส้น
ี
เช่นน อาจทาให้ร่างกายป่วยได้ง่ายกว่าปกต นอกจากน้อากาศเย็นยัง เจ็บที่หน้าอกขณะหายใจ ชัก ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
้
ี
ิ
�
เอ้อต่อการอยู่รอดและแพร่กระจายของไวรัสมากท่สุด ฉะน้นเม่อถึงฤดูหนาว 5.อุจจาระร่วง
ี
ื
ื
ั
�
เราต้องระวัง 6 โรคสาคัญ คือ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม ไข้หัด เป็นโรคที่มาพร้อมกับฤดูหนาว ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ
ื
ี
ุ
อุจจาระร่วง และไข้สุกใส โดยควรศึกษาสาเหต และอาการในเบ้องต้น ไวรัส “โรต้า” (Rotavirus) มักพบในเด็ก อายุตากว่า 5 ปี โดยกลุ่มท่พบบ่อย
�
่
ี
ุ
�
่
เพื่อจะได้หาวิธีป้องกัน ท่สุดคือเด็กอาย 6 - 12 เดือน เพราะเด็กวัยนี้ยังมีภูมิต้านทานตาและมักม ี
1.ไข้หวัด พฤติกรรมหยิบส่งของเข้าปาก ซ่งเพ่มโอกาสให้เช้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายข้น
ิ
ึ
ิ
ึ
ื
ื
คือโรคพ้นฐานท่เป็นได้แทบจะทุกฤดูกาล แต่เม่อเข้าสู่ฤดูหนาว อาการคือ มีไข้ ถ่ายเหลวและอาเจียนอย่างหนัก จนอาจเกิดภาวะ
ี
ื
ื
อาจจะเป็นได้ง่ายกว่าปกติถึง 2 เท่า ไข้หวัดเกิดจากเช้อไวรัสท่ทาให้ ขาดนารุนแรงถึงข้นช็อกหรือเสียชีวิตได้ ดังน้นหากผู้ป่วยมีอาการตาม
ี
�
้
�
ั
ั
เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ เช้อท่พบบ่อยคือเช้อ "ไรโนไวรัส" ท่กล่าวมา ควรพบแพทย์โดยเร็วท่สุด เพราะหากปล่อยท้งไว้อาจเป็น
ี
ี
ื
ี
ิ
ื
�
้
(Rhinovirus) โดยผู้ป่วยมักมีอาการคัดจมูก นามูกไหล ไอจาม คันคอ อันตรายถึงชีวิตได้
ั
ื
ั
�
ิ
นามาก่อน จากน้นจะเร่มมีไข้ หนาวส่น ปวดศรีษะ และปวดเม่อยตามตัว วิธีการรักษา
�
วิธีการรักษา ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคน้โดยตรง จึงทาได้แค่ประคับประคอง
ี
ื
สาหรับคนส่วนมากมักหายเอง เม่อเป็นไข้หวัด ควรพักผ่อนมากๆ อาการของผู้ป่วยให้ดีข้น โดยควรให้ผู้ป่วยจิบสารละลายเกลือแร่บ่อยๆ
ึ
�
�
ั
้
ด่มนาให้บ่อย เช็ดตัวทุกช่วโมง เพ่อระบายความร้อนในร่างกาย และ เพื่อป้องกันการขาดน�้า แต่หากผู้ป่วยดื่มน�้าไม่ได้ จ�าเป็นต้องให้น�้าเกลือ
ื
ื
รับประทานยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาลดนามูก เหล่าน้เพียงบรรเทาอาการ ทางเส้นเลือดแทน ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ และอาการจะค่อยๆ
ี
�
้
ึ
ึ
�
ไม่ได้รักษา หรือทาให้หายเร็วข้น แต่ถ้ามีไข้ข้นสูงติดต่อกันนาน ทุเลาลง
ควรพบแพทย์ เพื่อเช็คอาการให้ละเอียดต่อไป 6.โรคไข้สุกใส
2.ไข้หวัดใหญ่ โรคไข้สุกใส มักระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวคือเดือนมกราคม -
ไข้หวัดใหญ่ มีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดาแต่รุนแรงกว่า และหาก มีนาคม เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส "วาริเซลลา" (Varicella virus) หรือ
ี
่
ปล่อยไว้จนมีอาการแทรกซ้อนอาจทาให้เสียชีวิตได้ ไข้หวัดใหญ่ เกิดจาก ไวรัส “เฮอร์ปีส์ในมนุษย์ชนิดท 3” (Human herpesvirus type 3)
�
การติดเชื้อไวรัส “อินฟลูเอนซา” (Influenza virus) ทางระบบทางเดิน ติดต่อได้โดยการสัมผัสตุ่มน�้าใสโดยตรง หรือการสัมผัสของใช้ของผู้ป่วย
ั
ื
ึ
หายใจอย่างเฉียบพลัน ทาให้มีอาการ หนาวส่น ไข้ข้นสูง เจ็บคอ ปวดเม่อย เช่น แก้วน�้า ผ้าเช็ดหน้า เช็ดตัว ผ้าห่ม ที่นอน หรือสูดหายใจเอาละออง
�
ี
ื
ื
ี
กล้ามเน้อและศรษะอย่างรุนแรง และอาจมีอาการคลนไส้ อาเจยนร่วมด้วย ของตุ่มน�้าเข้าไป
่
วิธีการรักษา พบมากในเด็กอายุตากว่า 15 ปี อาการแรกเร่มจะคล้ายๆ ไข้หวัดใหญ่
ิ
่
�
ื
้
ั
�
ื
การรักษาคล้ายกับโรคไข้หวัดน่นคือ ควรด่มนาให้มาก เพ่อลด คือ ผู้ป่วยจะมีไข้ต�่าๆ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่จะมีผื่นแดง
อุณหภูมิของร่างกาย เช็ดตัวทุกช่วโมง รับประทานยาตามอาการ และ หรือตุ่มนาใสข้นตามร่างกาย มีอาการคัน ต่อมาจะกลายเป็นหนอง หลังจาก
ึ
�
้
ั
มียาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่จ�าเป็นส�าหรับทุกคน แต่ถ้ารับประทาน นนจะแห้งและตกสะเก็ดภายใน 5 - 10 วัน และอาการไข้ก็จะค่อยๆ ดีข้น
ึ
ั
้
ยาลดไข้แล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะน�าให้พบแพทย์ทันที วิธีการรักษา
3.ปอดบวม ไข้สุกใส ต้องรักษาตามอาการ เม่อมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้
ื
ื
ี
ื
ื
ปอดบวม คือภาวะปอดอักเสบจากเช้อแบคทีเรียหรือเช้อไวรัสจน งดการใช้ของร่วมกับผู้อ่น และหยุดพักจนกว่าจะหายด ห้ามแคะ แกะเกา
�
ทาให้มีหนองและสารปนเปื้อนภายในถุงลม ผู้ป่วยมักมีอาการ คือ ไอ บริเวณตุ่ม เพราะอาจท�าให้อักเสบ และเป็นแผลเป็นได้ ส่วนมากผู้ป่วย
ั
จาม มีเสมหะมาก แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก คัดจมูก หนาวส่น โรคนี้ไม่ต้องพบแพทย์ เพราะอาการไม่รุนแรง ไม่มีโรคแทรกซ้อน และ
ื
มีไข้สูงติดต่อกันเกิน 2 วัน ปอดบวมมักพบหลังจากการเป็นไข้หวัดเร้อรัง อาการจะทุเลาลงเอง
ี
ี
ั
้
ุ
และในผู้ป่วยโรคหอบหืด ปอดบวมมักพบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอาย และเด็กเล็ก ท้ง 6 โรคน เป็นโรคท่มักระบาดในช่วงฤดูหนาว เพราะติดต่อได้ง่าย
อายุระหว่าง 5 - 10 ปี เช่น การไอ จาม สัมผัส หรือใช้สิ่งของร่วมกัน เราจึงควรดูแลร่างกายให้
่
ั
�
�
วิธีรักษา แขงแรง ออกกาลงกายสมาเสมอ รบประทานอาหารทมีประโยชน รกษา
์
ั
ั
่
ี
็
ี
ั
ิ
ี
ี
หากมีอาการคล้ายเป็นปอดบวม ควรพบแพทย์โดยเร็วท่สุด ความสะอาด ล้างมือทุกคร้งท่สัมผัสส่งสกปรก โดยเฉพาะในกลุ่มท่มีความ
และหากแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการปอดบวมแล้ว จะให้รับประทานยา เสี่ยงสูงหรือผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด หรือ
ปฏิชีวนะ ควบคู่ไปกับยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ และยาขยายหลอดลม โรคโลหิตจาง ควรดูแลร่างกายเป็นพิเศษ เน่องจากมีระดับภูมิต้านทานตา � ่
ื
พร้อมแนะน�าให้ผู้ป่วยดื่มน�้ามากๆ เพราะน�้าจะช่วยละลายเสมหะได้ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
4.หัด
หัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า "รูบีโอราไวรัส" (Rubeola
virus) เป็นโรคท่พบบ่อยในเด็กเล็ก อาการของโรคจะคล้ายไข้หวัด คือมีไข้
ี
้
�
มีนามูก มักไอแห้งตลอดเวลา ตาและจมูกแดง โดยมักมีไข้สูงประมาณ 3 - 4 วัน
ึ
ติดต่อกัน จากน้นจึงข้นผ่นแดง ตามร่างกาย โดยผ่นจะค่อยๆ โตข้น และ
ั
ื
ึ
ื
มีสีเข้มข้น อาการท่สังเกตได้ว่าจะเป็นหัดคือ ผู้ป่วยมักมีตุ่มใสๆ ข้นในปาก
ี
ึ
ึ
ึ
ั
ี
ตรงกระพุ้งแก้มและฟันกราม ซ่งเป็นตุ่มท่เกิดเฉพาะในโรคหัดเท่าน้น
ื
หลังจากผ่นออกประมาณ 2 - 3 วัน อาการก็จะดีข้นเร่อยๆ และหายได้เอง ที่มา : HD สุขภาพดี เริ่มต้นที่นี่
ึ
ื
ุ
ั
่
้
ื
่
่
ั
่
แตสิงทตองระวงคอ โรคแทรกซอน เชน ปอดบวม อจจาระรวง สมองอกเสบ เรียบเรียง : เทอดเกียรติ ศรีดารา
่
ี
้
16

