Page 16 - วารสารโรงพยาบาลสุรินทร์#12
P. 16
ถอนสภาพโดยการจัดทำาเป็นพระราชกฤษฎีกาก็จะต้องปรากฏ
ว่าประชาชนได้เลิกใช้ถนนสาธารณ
กฎหมายเพื่อชีวิต ประโยชน์นั้นแล้วหรือถนนนั้นไม่อยู่ในสภาพการเป็นที่ดิน
โดย..สันติ มุ่งสันติ สำาหรับพลเมืองใช้ร่วมกันอีกต่อไป โดยมิได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์
ของผู้อื่น
เมื่อข้อเท็จจริงก่อนที่เทศบาลจะนำาถนนสาธารณ
ประโยชน์ที่พิพาทมาจัดทำาเป็นตลาดถาวรนั้น ผู้ฟ้องคดีและ
หากหน่วยงานทางปกครองไม่ได้มีการดำาเนินการ ประชาชนโดยทั่วไปยังคงใช้ประโยชน์ในถนนและลานจอดรถ
ตามที่กฎหมายกำาหนด แม้จะการทำาประชาคมหรือประชามติ ดังกล่าวเพื่อการสัญจรอยู่ โดยไม่ปรากฏว่าเทศบาลได้มีการ
ใดๆ ก็ไม่มีผลเป็นการหักล้างหรือรับรองให้สิ่งที่ดำาเนิน การ จัดหาที่ดินอื่นมาทด แทนการใช้ประโยชน์แต่อย่างใด กรณี
โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้กลายมาเป็นการดำาเนินการที่ชอบ จึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะให้มีการถอน
ด้วยกฎหมาย คดีนี้เป็นการฟ้องร้องเพื่อรักษาสิทธิของผู้ฟ้อง สภาพที่ดินได้ประกอบกับการเปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์
คดีซึ่งประกอบการค้าอยู่บริเวณถนนสาธารณะ ซึ่งเทศบาล ที่ดินจากการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างหนึ่งมาเป็นการ
ได้ทำาการเปลี่ยนสภาพถนนดังกล่าวรวมทั้งลานจอดรถไปเป็น ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์อีกอย่างหนึ่งนั้น จะต้องเป็นกรณี
ตลาดชั่วคราวเพื่อให้เช่าจำาหน่ายสินค้าอยู่เกือบถึง 20 ปี หลัง ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการปรับปรุงหรือพัฒนาไปใช้เพื่อ
จากนั้นก็ได้ทำาการรื้อถอนตลาดชั่วคราวดังกล่าวแล้วก่อสร้าง สาธารณประโยชน์ โดยต้องยื่นคำาขอต่อจังหวัดซึ่งที่ดินนั้น
เป็นตลาดถาวร ผู้ฟ้องคดีได้ขอตรวจสอบเอกสาร หลักฐาน ตั้งอยู่ ทั้งนี้ตามข้อกำาหนดของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่า
เกี่ยวกับการแปรหรือถอนสภาพถนนสาธารณประโยชน์ที่ ด้วยการเปลี่ยนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
พิพาทเพื่อนำามาสร้างเป็นตลาด แต่ทางเทศบาลกลับแจ้งว่า สำาหรับพลเมืองใช้ร่วมกันจากการใช้เพื่อสาธารณประโยชน์
ไม่สามารถค้นหาเอกสารมายืนยันได้ เนื่องจากการเปลี่ยน อย่างหนึ่ง เป็นอีกอย่างหนึ่ง พ.ศ. 2543 แต่ก็ไม่ปรากฏว่า
สภาพได้ดำาเนินการมาหลายสิบปีแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงฟ้องคดี ใน เทศบาลได้มีการดำาเนินการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว อีกทั้ง
ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครอง จังหวัดได้แจ้ง การที่เทศบาลนำาถนนอันเป็นสาธารณประโยชน์ไปใช้ในการ
ให้เทศบาลดำาเนินการจัดทำาประชาคมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุก จัดทำาเป็นตลาดถาวรเพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมค่าเช่าแผง
ฝ่าย เพื่อยืนยันการเปลี่ยนสภาพถนนเป็นตลาด ซึ่งประชาชน ขายสินค้านั้น ก็ไม่ถือเป็นการปรับปรุงหรือพัฒนาไปใช้เพื่อ
ในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ลงมติเห็นชอบในการเปลี่ยนสภาพดังกล่าว ประโยชน์สาธารณะสำาหรับพลเมืองใช้ร่วมกันด้วยเหตุผล
เทศบาล จึงรายงานผลให้จังหวัดทราบ โดยเรื่องยังอยู่ในการ ดังกล่าว การที่เทศบาลนำาถนนสาธารณประโยชน์มาจัดทำา
พิจารณาของจังหวัดและกระทรวงมหาดไทย เป็นตลาดถาวรเพื่อหารายได้โดยที่มิได้มีการถอนสภาพหรือ
คดีหมายเลขแดงที่ อ.628/2555 ศาลปกครองสูงสุด เปลี่ยนสภาพการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามที่กฎหมายกำาหนด
วินิจฉัยว่า แม้เทศบาลซึ่งเป็นราชการส่วนท้องถิ่นจะมีอำานาจ ก่อนจึงเป็นการกระทำาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนประเด็นที่
หน้าที่ตาม กฎหมายในการดูแลถนนสาธารณประโยชน์รวมทั้ง ว่าได้มีการทำาประชาคมกับประชาชนและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
การจัดให้มี ตลาดในเขตพื้นที่เทศบาลได้ก็ตาม พ.ร.บ.เทศบาล แล้วนั้น ศาลเห็นว่าแม้ประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นชอบในการ
2496 ประกอบระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแล เปลี่ยนสภาพด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีผลทำาให้การใช้ประโยชน์
รักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของ ในลักษณะการทำาเป็นตลาดถาวรนั้นกลายเป็นการใช้ประโยชน์
แผ่นดิน พ.ศ.2544 แต่การนำาถนนสาธารณประโยชน์ที่พิพาท ในลักษณะสำาหรับพลเมืองใช้ร่วมกันได้ และเมื่อการดำาเนิน
อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน การจัดทำาตลาดถาวรดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ฟ้องคดีซึ่งมีภูมิลำาเนา
ตามมาตรา 1304(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อาศัยอยู่ในบริเวณที่พิพาทได้รับความเสียหายจากการไม่อาจ
ไปจัดทำาเป็นตลาดถาวรเพื่อให้ประชาชนเช่าทำาการค้า อัน ใช้ประโยชน์จากที่ดินซึ่งเคยเป็นถนนได้ กรณีจึงถือเป็นการ
มีลักษณะเป็นการจัดทำาหรือหาผลประโยชน์ในที่ดินโดยการ กระทำาละเมิดอันเกิดจากการใช้อำานาจตามกฎหมายศาล
ให้เช่า ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอาจมอบหมาย ปกครองสูงสุดพิพากษาให้เทศบาลดำาเนินการรื้อถอนตลาดดัง
ให้เทศบาลดำาเนินการหาผลประโยชน์สำาหรับบำารุงท้องที่ได้ กล่าว และดำาเนินการจัดทำาให้พื้นที่ที่พิพาทกลับคืนมาเป็นถนน
นั้นแต่ก่อนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะมอบหมาย สาธารณประโยชน์และลานจอดรถดังเดิม
ให้เทศบาลดำาเนินการเช่นนั้นได้จะต้องมีการถอนสภาพที่ดิน
ให้พ้นสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำาหรับ
พลเมืองใช้ร่วมกัน โดยทำาเป็น พระราชบัญญัติหรือพระราช
กฤษฎีกาเสียก่อน ซึ่งการถอนสภาพโดยการจัดทำาเป็นพระราช
บัญญัตินั้นจะต้องปรากฏว่าได้มีการจัดหาที่ดินสำาหรับจัดทำาเป็น
ถนนสาธารณประโยชน์แทนที่ดินแปลงเดิมก่อนและหากจะ
14

