Page 13 - ปลูกไม้เศรษฐกิจ
P. 13

13



                                                                                          ื้
                   ตารางที่ 4 คุณสมบัติของดินและปริมาณธาตุอาหารของดินชั้น A และ B ในพนที่ที่มีการเติบโตของสัก
                              ได้ดี (good site) และที่ระดับปานกลาง (medium site) ในป่าสักธรรมชาติ

                      ชั้นดิน    อินทรียวัตถุ    ไนโตรเจน        ฟอสฟอรัส        โปตัสเซียม      แคลเซียม

                                  (ร้อยละ)        (ร้อยละ)         (ppm)          (ppm)       (me/100 กรัม)
                                                           Good site
                        A        0.86-1.35       0.04-0.08        2.50-6.70       113-288       14.40-19.80

                        B        0.00-0.75       0.00-0.04        0.80-1.90       67-102        7.80-17.80
                                                          Medium site
                        A        1.40-9.03       0.70-0.45        1.90-4.50       130-223       11.20-24.60

                        B        0.00-0.51       0.00-0.03        1.10-5.10        60-95        3.60-23.00



                             พรพรรณและวิลาวัณย์ (2537) พบว่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพยงอก (DBH) ของสักอายุ 5 ปี มี
                                                                                     ี
                   สหสัมพนธ์ทางสถิติกับคุณสมบัติของดิน โดยสักมีการเติบโตดี (DBH เท่ากับ 7.88-11.02 เซนติเมตร) ในดินที่มี
                          ั
                   ความเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (5.65-6.75) ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ปานกลางถึงสูงมาก (15.60-
                   362.2 ppm) แคลเซียมที่แลกเปลี่ยนได้สูงถึงสูงมาก (12.46-77.62 me/100 กรัม) ความอิ่มตัวด้วยด่างปานกลาง

                   ถึงสูง และความจุของการแลกเปลี่ยนประจุบวกสูงถึงสูงมาก (24.91-82.32 me/100 กรัม)


                                                                                      ั
                             วรวิทย์ และคณะ (2550) พบว่าผลผลิตของยูคาลิปตัสมีความสัมพนธ์กับคุณสมบัติของดินที่ระดับ
                   ความลึก 10-30 เซนติเมตร โดยพบว่าผลผลิตของยูคาลิปตัสจะสูงในพนที่ที่มีปริมาณอนุภาคดินเหนียว
                                                                                   ื้
                   โพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินสูง และจะพบ
                                   ื้
                   ผลผลิตมีค่าต่ าในพนที่ที่มีปริมาณแคลเซียม แมกนีเซียม และโซเดียมที่แลกเปลี่ยนได้ และปริมาตรของแขงในดิน
                                                                                                          ็
                   สูง และไม่พบว่าลักษณะภูมิอากาศมีความสัมพันธ์กับผลผลิตของยูคาลิปตัส อย่างไม่มีนัยส าคัญทางสถิติ

                                  2) น้ าฝนและความชื้นของดิน (Rainfall and soil moisture)

                                                                             ื
                                                                      ื
                                    น้ าฝนมีความส าคัญต่อการเติบโตของพช โดยพชหรือต้นไม้จะได้รับประโยชน์จากน้ าฝนที่
                                                ื
                                                                                                           ื
                   ไหลลงไปอยู่ในดิน ต่อจากนั้นรากพชจะท าหน้าที่ดูดน้ าขึ้นมาใช้ในการสังเคราะห์แสงและการคายน้ าของพช การ
                   กระจายของฝนที่ตกมีความส าคัญต่อการเติบโตของต้นไม้มากกว่าปริมาณน้ าฝน เนื่องจากต้องการน้ าฝนที่ตก
                                                                                                               ิ่
                   สม่ าเสมอและมีปริมาณพอเพยงในระหว่างการเติบโต ฝนที่ตกหนักจะไม่เกิดประโยชน์มากนักเพราะจะเพม
                                             ี
                   ปริมาณน้ าซึมลงสู่ดินรวดเร็ว ท าให้ดินไม่สามารถดูดรับน้ าได้เต็มที่และอาจมีน้ าท่วมขังอยู่มาก ในทาง
                                                                                          ิ
                   อุตุนิยมวิทยา ปริมาณน้ าฝนที่ตกมากกว่า 2,500 มิลลิเมตรต่อปี จะมีปริมาณน้ ามากเกนไปส าหรับการท ากสิกรรม
                   ปริมาณน้ าฝนระหว่าง 450-2,500 มิลลิเมตรต่อปี จะท าให้พชส่วนใหญ่เติบโตได้ดี ปริมาณน้ าฝนระหว่าง 300-
                                                                      ื
                   450 มิลลิเมตรต่อปี จะท าให้หญ้าขึ้นได้ ปริมาณน้ าฝนน้อยกว่า 300 มิลลิเมตรต่อปี จะท าให้เกิดความแห้งแล้ง
                   เป็นทะเลทรายได้ (กรมอุตุนิยมวิทยา, 2561) ส่วนความชื้นในดินที่มีประโยชน์ต่อพืชจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเนื้อ
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18