Page 31 - เที่ยวพิพิธภัณฑ์มีนบุรี ใน E-Book
P. 31

แต่เมื่อพิจารณาตรวจตรากันเข้าได้ความว่ามิใช่โรคเพล็ก เป็นโรคที่เกิดขึ้นในฝูงสัตว์โคกระบือ

               พอเจ้าของรู้ว่าเจ็บก็ขายให้แขก แขกก็มาเชือดกิน คนที่กินแรกนั้นไม่มีรอดเลยแต่สักคนเดียว
               ส่วนคนที่พยาบาลตอนต้นตายบ้างรอดบ้าง แต่พยาบาลชั้นที่ 3 ไม่มีใครตายเลย เป็นด้วยพิษโรค

               ที่เกิดจากสัตว์อย่างเดียว


                       กินข้าวต้มกุ้งแล้ว ถึงตำบลคู้มีสุเหร่าใหญ่ดูเป็นกำลังบริบูรณ์ บ้านเรือนผู้คนเต็มตลอด

               แถบนี้ ดูมีไทยมากขึ้น มีเจ๊กขายหมู ได้เรียกมาถามได้ความว่าเป็นเมืองมีน เจ๊กคนนี้รับวันละตัว
                                                ่
               ราคานั้น 50 บาท ขึ้นไปหา 60 วาแพงเพราะไม่ใคร่มีหมู เป็นหมูโรงสี ขายชั่งละ 2 สลึง 2 ไพ
               ประเดี๋ยวก็ถึงวัด พบกรมดำรงและพระยาสุขุมที่นั่น ได้ความว่าอีกชั่วโมงเดียวจะถึงเมืองมีน

               เขากะอย่างโอ๊ะ ๆ ให้เดินช้า ๆ ที่จริงจะตื่นสัก 4 โมง แล้วจึงมาก็ทันไปนอนเมืองมีน แต่แกขึ้นไปดูวัด
               ขึ้นทางตะพานการเปรียญแล้วไปโบสถ์ เป็นชิ้นใหม่อย่างเอกเพิ่งแล้ว 8 ปีเท่านั้น ได้ความว่า

               สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ริด)วัดอรุณ) ออกมาผูกสีมาตั้งชื่อว่า

               วัดทรัพย์สโมสรนิกรเกษม เพราะว่าผู้ที่สร้างนั้นเป็นยายทรัพย์คนหนึ่ง ในวิสุงคามปลวกกิน

               ยับเยินได้รับว่าจะทำให้ใหม่ ใบเดิมลงวันที่ 19 สิงหาคม ร.ศ.118 สมภารอยู่ข้างปากคอเราะร้าย

               และบอกว่าบริบูรณ์ดี ออกจากวัดนี้เวลา 5 โมงหลวง 4 โมงราษฎ์ ไม่ช้านักผ่านบ้านแขกและ
               สุเหร่าแขกอีก 2 แห่ง ถึงแสนแสบตอนนอกนี้ไม่สู้มีบ้านต้นแถวโรงพลตะเวนท่าดินแดงตามเคย

               ถัดไปตะราง ๆ ทำใหญ่โตแน่นหนาดีกว่าที่ไหน ๆ ในหัวเมืองเป็นอันมาก แต่ไม่มีคนโทษ มีแต่คน

               ที่อยู่ในระหว่างพิจารณา 7 คน เพราะไม่มีศาล ถัดไปเป็นที่ว่าการเมืองแล้วจึงเข้าบ้านเจ้าเมือง
               ปลัดเมือง ออกจะตามเคยอย่างเมืองธัญญบุรี แต่ที่หน้าที่ว่าการเหล่านี้ยังไม่มีถมดิน มีถนนขึ้นจาก

               น้ำสายหนึ่ง ตรงหน้าบ้านผู้ว่าราชการ ถนนขวางสายหนึ่งตั้งแต่ประตูหน้าบ้านผู้ว่าราชการเมือง

               ไปถึงโรงพล เพราะที่นี่ไม่มีศาลเมืองไม่มีกำลังที่จะทำอะไรได้ เรือเข้าไปในคูตรงหน้าบ้านผู้ว่า

               ราชการเมืองจอดที่หน้าเรือนเก่าของชายงาม (หม่อมเจ้าสง่างาม สุประดิษฐ์) เป็นเรือนเครื่อง

               ผูกเลว ๆ แต่สบายดีกว่าเรือนฝากระดานอีก ทำกับเข้า(ข้าว)ที่แคร่ริมคูในเงาต้นไผ่ แต่มากิน
               กลางวันบนเรือน เวลาเย็นไปดูเรือนผู้ว่าราชการ แล้วลงเรือไปดูคลองสามวา คลองสามวานี้

               เป็นของกรมภูธเรศขุด (พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ ซึ่งได้ทรงบัญชาการ

               กระทรวงนครบาลอยู่ครั้ง 1) แต่เดี๋ยวนี้ใหญ่กว่าสามวามาก ขุดก่อนบริษัทขุดคลองเหนือขึ้นไป
                                           ี
               จดคลองหกวาสายใต้ข้างใต้เรยกว่า คลองนุ่นไปจดคลองสองที่พระยามา โยธา (พระยามหาโยธา
               (นกแก้ว คชเสนี)) ขุดคลอง เมื่อครั้งยังเป็นพระยาดำรงราชพลขันธ์ ผู้ว่าราชการเมืองนครเขื่อนขันธ์

               คลองนี้ได้ร้างไป 2 ปี เดี๋ยวนี้มีคนทำนาตลอด มีเรือชะล่าบรรทุกเข้าเปลือกจอดหลายสิบลำ

               ว่าลงตามคลองซอยของคลองสามวานี่เอง ที่สี่แยกนี้เป็นตลาดมีบ้านเรือนคนมาก นับว่ามากกว่า
                                                                                                       ื
                                      ็
               ตำบลอื่นในเมืองนี้ ได้เหนเจ๊กทำหมูต้องไปหยุดดู กลับมาทำกับเข้า(ข้าว)ที่เก่าและมากินบนเรอน
               เหมือนกันในเรือออกร้อนเพราะเข้าไปจอดอยู่ในอู่
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36