Page 32 - คำแปลบาลีไทย, อิติปิโส, พาหุง, มะหาการุณิโก, ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก, พระไตรปิฎก, มงคลสูตร, กะระณียะเมตตะสุตตัง, อุปมาใบประดู่ลาย, ปฏิจจสมุปบาท, , คาถาพระพุทธเจ้า 5 องค์ตอนชนะมาร,
P. 32

อานาปานสติสูตร (๑๑๘)


                     [๒๘๒] ข ้าพเจ ้าได ้สดับมาอย่างนี้-
                     สมัยหนึ่ง พระผู ้มีพระภาคประทับอยู่ที่ปราสาทของอุบาสิกาวิสาขา
        มิคารมารดา ในพระวิหารบุพพาราม เขตพระนครสาวัตถี พร ้อมด ้วยพระสาวก
        ผู ้เถระมีชื่อเสียงเด่นมากรูปด ้วยกัน เช่น ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหา-
        *โมคคัลลานะ ท่านพระมหากัสสป ท่านพระมหากัจจายนะ ท่านพระมหาโกฏฐิตะ
        ท่านพระมหากปิณะ ท่านพระมหาจุนทะ ท่านพระเรวตะ ท่านพระอานนท์ และ
        พระสาวกผู ้เถระมีชื่อเสียงเด่นอื่นๆ ก็สมัยนั้นแล พระเถระทั้งหลายพากันโอวาท

        พร ่าสอนพวกภิกษุอยู่ คือ พระเถระบางพวกโอวาทพร ่าสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ ้าง
        บางพวกโอวาทพร ่าสอน ๒๐ รูปบ ้าง บางพวกโอวาทพร ่าสอน ๓๐ รูปบ ้าง บางพวก
        โอวาทพร ่าสอน ๔๐ รูปบ ้าง ฝ่ ายภิกษุนวกะเหล่านั้น อันภิกษุผู ้เถระโอวาทพร ่า
        สอนอยู่ ย่อมรู ้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว ้างขวางยิ่งกว่าที่ตนรู ้มาก่อน ฯ

                   [๒๘๓] ก็สมัยนั้นแล พระผู ้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์ห ้อมล ้อมประทับนั่ง
        กลางแจ ้ง ในราตรีมีจันทร์เพ็ญ วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค ่า ทั้งเป็นวัน
        ปวารณาด ้วย ขณะนั้น พระผู ้มีพระภาคทรงเหลียวดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่โดย

        ล าดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราปรารภในปฏิปทานี้
        เรามีจิตยินดีในปฏิปทานี้ เพราะฉะนั้นแล พวกเธอจงปรารภความเพียร เพื่อถึง
        คุณที่ตนยังไม่ถึง เพื่อบรรลุคุณที่ตนยังไม่บรรลุ เพื่อท าให ้แจ ้งคุณที่ตนยังไม่ท า
        ให ้แจ ้ง โดยยิ่งกว่าประมาณเถิด เราจักรออยู่ในเมืองสาวัตถีนี้แล จนถึงวันครบ
        ๔ เดือนแห่งฤดูฝน เป็นที่บานแห่งดอกโกมุท ๑- พวกภิกษุชาวชนบททราบข่าว
        ว่า พระผู ้มีพระภาคจักรออยู่ในเมืองสาวัตถีนั้น จนถึงวันครบ ๔ เดือนแห่ง
        ฤดูฝน เป็นที่บานแห่งดอกโกมุท จึงพากันหลั่งไหลมายังพระนครสาวัตถี เพื่อ
        เฝ้าพระผู ้มีพระภาค ฝ่ ายภิกษุผู ้เถระเหล่านั้นก็พากันโอวาทพร ่าสอนภิกษุนวกะ
        @๑. คือวันเพ็ญเดือนสิบสอง
        เพิ่มประมาณขึ้น คือ ภิกษุผู ้เถระบางพวกโอวาทพร ่าสอนภิกษุ ๑๐ รูปบ ้าง บาง-

        *พวกโอวาทพร ่าสอน ๒๐ รูปบ ้าง บางพวกโอวาทพร ่าสอน ๓๐ รูปบ ้าง บางพวก
        โอวาทพร ่าสอน ๔๐ รูปบ ้าง และภิกษุนวกะเหล่านั้น อันภิกษุผู ้เถระโอวาท
        พร ่าสอนอยู่ ย่อมรู ้ชัดธรรมวิเศษอย่างกว ้างขวางยิ่งกว่าที่ตนรู ้มาก่อน ฯ

               [๒๘๔] ก็สมัยนั้นแล พระผู ้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์ห ้อมล ้อมประทับนั่ง
        กลางแจ ้ง ในราตรีมีจันทร์เพ็ญ เป็นวันครบ ๔ เดือนแห่งฤดูฝน เป็นที่บาน
        แห่งดอกโกมุท วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค ่า ขณะนั้น พระผู ้มีพระภาคทรง
        เหลียวดูภิกษุสงฆ์ ซึ่งนิ่งเงียบอยู่โดยล าดับ จึงตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกร-

        *ภิกษุทั้งหลาย บริษัทนี้ไม่คุยกัน บริษัทนี้เงียบเสียงคุย ด ารงอยู่ในสารธรรม
        อันบริสุทธิ์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับ
        บริษัทที่ควรแก่การค านับ ควรแก่การต ้อนรับ ควรแก่ทักษิณาทาน ควรแก่การ
        กระท าอัญชลี เป็นเนื้อนาบุญของโลกอย่างหาที่อื่นยิ่งกว่ามิได ้ ภิกษุสงฆ์นี้
        บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทที่เขาถวายของน้อย มีผลมาก และถวายของมาก
        มีผลมากยิ่งขึ้น ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัท อันชาวโลก
        ยากที่จะได ้พบเห็น ภิกษุสงฆ์นี้ บริษัทนี้เป็นเช่นเดียวกันกับบริษัทอันสมควร
        ที่แม ้คนผู ้เอาเสบียงคล ้องบ่าเดินทางไปชมนับเป็นโยชน์ๆ ฯ

               [๒๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ย่อมมีภิกษุในภิกษุสงฆ์นี้ ผู ้เป็น
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37