Page 35 - คำแปลบาลีไทย, อิติปิโส, พาหุง, มะหาการุณิโก, ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก, พระไตรปิฎก, มงคลสูตร, กะระณียะเมตตะสุตตัง, อุปมาใบประดู่ลาย, ปฏิจจสมุปบาท, , คาถาพระพุทธเจ้า 5 องค์ตอนชนะมาร,
P. 35

ปีติ หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู ้ก าหนดรู ้ปีติ หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่ ว่าเรา

        จักเป็นผู ้ก าหนดรู ้สุข หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู ้ก าหนดรู ้สุข หายใจเข ้า ส าเหนียก
        อยู่ ว่าเราจักเป็นผู ้ก าหนดรู ้จิตสังขาร หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู ้ก าหนดรู ้
        จิตสังขาร หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่ ว่าเราจักระงับจิตสังขาร หายใจออก
        ว่าเราจักระงับจิตสังขาร หายใจเข ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า
        พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร รู ้สึกตัว มีสติ ก าจัดอภิชฌาและ
        โทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการใส่ใจลมหายใจออก
        ลมหายใจเข ้าเป็นอย่างดีนี้ ว่าเป็นเวทนาชนิดหนึ่ง ในพวกเวทนา เพราะฉะนั้นแล
        ในสมัยนั้น ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา มีความเพียร รู ้สึกตัว

        มีสติ ก าจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ ฯ
                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุส าเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู ้ก าหนด
        รู ้จิต หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู ้ก าหนดรู ้จิต หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่ ว่าเราจัก
        ท าจิตให ้ร่าเริง หายใจออก ว่าเราจักท าจิตให ้ร่าเริง หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่
        ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจออก ว่าเราจักตั้งจิตมั่น หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่
        ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจออก ว่าเราจักเปลื้องจิต หายใจเข ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย
        ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู ้สึกตัว มีสติ
        ก าจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าว
        อานาปานสติแก่ภิกษุผู ้เผลอสติ ไม่รู ้สึกตัวอยู่ เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น
        ภิกษุจึงชื่อว่า พิจารณาเห็นจิตในจิต มีความเพียร รู ้สึกตัว มีสติ ก าจัดอภิชฌา

        และโทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ ฯ
                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด ภิกษุส าเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู ้ตามพิจารณา
        ความไม่เที่ยง หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู ้ตามพิจารณาความไม่เที่ยง หายใจเข ้า
        ส าเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู ้ตามพิจารณาความคลายก าหนัด หายใจออก ว่าเราจัก
        เป็นผู ้ตามพิจารณาความคลายก าหนัด หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู ้
        ตามพิจารณาความดับกิเลส หายใจออก ว่าเราจักเป็นผู ้ตามพิจารณาความดับกิเลส
        หายใจเข ้า ส าเหนียกอยู่ ว่าเราจักเป็นผู ้ตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจ
        ออก ว่าเราจักเป็นผู ้ตามพิจารณาความสละคืนกิเลส หายใจเข ้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

        ในสมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร รู ้สึกตัว มีสติ
        ก าจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ เธอเห็นการละอภิชฌาและโทมนัสด ้วย
        ปัญญาแล ้ว ย่อมเป็นผู ้วางเฉยได ้ดี เพราะฉะนั้นแล ในสมัยนั้น ภิกษุจึงชื่อว่า
        พิจารณาเห็นธรรมในธรรม มีความเพียร รู ้สึกตัว มีสติ ก าจัดอภิชฌาและ
        โทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ ฯ
                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่เจริญอานาปานสติแล ้วอย่างนี้ ท าให ้มากแล ้ว
        อย่างนี้แล ชื่อว่าบ าเพ็ญสติปัฏฐาน ๔ ให ้บริบูรณ์ได ้ ฯ

               [๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุที่เจริญสติปัฏฐาน ๔ แล ้วอย่างไร
        ท าให ้มากแล ้วอย่างไร จึงบ าเพ็ญโพชฌงค์ ๗ ให ้บริบูรณ์ได ้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย

        สมัยใด ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย มีความเพียร รู ้สึกตัว มีสติ ก าจัดอภิชฌา
        และโทมนัสในโลกเสียได ้อยู่ ในสมัยนั้น สติย่อมเป็นอันเธอผู ้เข ้าไปตั้งไว ้แล ้ว
        ไม่เผลอเรอ ฯ
                     ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด สติเป็นอันภิกษุเข ้าไปตั้งไว ้แล ้วไม่เผลอเรอ
        ในสมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ย่อมเป็นอันภิกษุปรารภแล ้ว สมัยนั้น ภิกษุชื่อว่า
        ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ สมัยนั้น สติสัมโพชฌงค์ย่อมถึงความเจริญและความ
        บริบูรณ์แก่ภิกษุ เธอเมื่อเป็นผู ้มีสติอย่างนั้นอยู่ ย่อมค ้นคว ้า ไตร่ตรอง ถึงความ
        พิจารณาธรรมนั้นได ้ด ้วยปัญญา ฯ
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40