Page 201 - สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.
P. 201
158
สาราสารกถา
�
เราทาแต่ตอนถืออุปััชฌาย์ว่า อชฺชตคฺเคทานิ เถโร มยฺห ภาโร
�
ั
ี
: ต้งแต่วันน้เป็นต้นไป ท่านเป็นภาระของเรา ก็หมายความว่า
ฺ
เราจะดูแลท่าน จะปรนนิบัติท่าน เราจะเช่อฟังท่าน อะหมปิ
ื
เถรสฺส ภาโร : ข้าพเจ้าก็ขอกราบเป็นภาระของท่าน ขอ
ให้ท่านช่วยเป็นภาระปกครองดูแลแนะนาส่งสอน ก็ปวารณา
�
ั
กันแล้ว วิธีถืออุปัชฌาย์ อุปชฺฌาโย เม ภนฺเต โหหิ วิธีถือ
ู
ี
�
อาจารย์ฺก็เช่นเดียวกัน โบราณเขามีเสร็จแล้ว ก็ไปทาหน้าท่ครบา-
อาจารย์ อาจาริโย เม ภนฺเต โหหิ : ขอท่านจงเป็นอาจารย์
ข้าพเจ้า นิสฺสาย น วจฺฉาม : ข้าพเจ้าขออาศัยอยู่ในปกครอง
ิ
�
ี
�
ของท่าน เราเป็นอาจารย์ ถ้าเราไม่ได้ทารูปแบบประเพณอย่างน ี ้
�
แต่ว่าความสานึกความรู้สึกต้องมีว่า เราเป็นครูบาอาจารย์ แล้วก ็
�
ต้องปลุกความสานึกให้แก่ลูกศิษย์หรืออันเตวาสิกด้วยว่า แต่ละรูป
เม่อมาเป็นลูกศิษย์เป็นอาจารย์ของกันและกัน ต้องเป็นภาระ
ื
ี
ของกัน น่นก็หมายความว่าจะต้องทาหน้าท่ในกันและกันให้มัน
ั
�
ี
�
ถูกต้อง ครูบาอาจารย์ต้องทาหน้าท่อย่างไรกับลูกศิษย์ หรือลูกศิษย์
ี
�
ต้องทาหน้าท่อย่างไรกับอาจารย์ เราต้องไปศึกษาอาจริยวัตร
ี
ี
อันเตวาสิกวัตร ซ่งก็มีในวินัยท่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ น่มันม ี
ึ
ี
ี
ภาระหน้าท่กันแล้ว ภาระหน้าท่ของลูกศิษย์คือปฏิบัติอาจริยวัตร
ี
หน้าท่ของอาจารย์ก็อันเตวาสิกวัตร ปฏิบัติหน้าท่กับลูกศิษย์
ี
ทาไม? เราไปคิดว่าไม่ใช่เร่องของเรา ทาไมไปคิดว่าไม่ใช่งานของ
ื
�
�
เรา นี่แหละคืองานปกครอง

