Page 229 - สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.
P. 229
186
สาราสารกถา
ั
ื
ให้บุคคลสองกลุ่มน้นเกิดการต่อสู้กัน เม่อเกิดการต่อสู้กันแล้ว
มันเกิดอะไรขึ้น!
ั
ก็เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย แล้วผลท่สุดโลกท้งโลก สังคม
ี
ี
ั
ท้งสังคมน้ มันจะเกิดความวุ่นวายตลอดไป พอวุ่นวายตลอด
ไปแล้ว เป็นอย่างไร? สมมติว่าระหว่างชาวบ้านกับพระ พูดให้
พระเกลียดชาวบ้าน พูดให้ชาวบ้านเกลียดพระ ก็เกิดทะเลาะ
ไม่ลงรอยกัน แล้วผลท่สุดเป็นยังไง มันก็เกิดการอ่อนกาลังกัน
ี
�
�
�
ื
ท้งสองฝ่าย พระก็อ่อนกาลัง ชาวบ้านก็อ่อนกาลัง เม่ออ่อน
ั
กาลังแล้วก็เป็นยังไง คอมมิวนิสม์ก็สามารถเข้ามายึดเอาไป
�
แบบสบายๆ มันเหมือนกับพูดอย่างง่ายๆ ว่า พยายามไปยุแหย่
ั
ั
ั
ื
ุ
ิ
เปรยบเทยบว่าอย่างนน พยายามไปยแหย่ให้เสอกบสงห์กดกน
ี
้
ี
ั
นะ พยายามยุแหย่ให้เสือกับสิงห์กัดกัน เสือกับสิงห์กัดกันตาย
ไปสองข้างทายังไง สุนัขจ้งจอกมันก็กินท้งเน้อสิงห์ท้งเน้อเสือ
ั
ื
ั
ิ
ื
�
สบายหมาจิ้งจอกไป
“รัก” สร้ำงโลก
เร่องของเร่องมันเป็นอย่างน้ เพราะฉะน้น เราก็มาสรุป
ั
ื
ื
ี
อย่างง่ายๆ ว่า สังคมเราจะอยู่กันได้อย่างมีความสุขอย่างไร?
ั
ี
ี
ผมก็อยากจะต้งปัญหาถามทุกท่านและทุกคนในท่น้ว่า ระหว่าง
ความเกลียด-ความชังกับความรักนี่ อันไหนจะช่วยให้สังคม มี

