Page 60 - ประวัติศาสตร์การสงคราม บทที่ 6-9
P. 60
60
ที่มั่นดัดแปลงแข็งแรง ถึงแม้ว่าฝ่ายเราจะใช้ บ.โจมตีทางอากาศ และใช้ ป.ทำการยิง แต่ก็ไม่สามารถรวม
อำนาจการยิง ณ ตำบลใดตำบลหนึ่งได้เต็มที่ เนื่องจากเป้าหมายมีหลายแห่ง
2. บทเรียนจากการสูญเสียจากการตีโต้ตอบของข้าศึก ก็คือ การดัดแปลงที่มั่นตั้งรับโดย การขุดคยิง
ู
ี่
หลุมบุคคล และบังเกอร์ จะต้องรีบกระทำในทันทีเมื่อยึดทหมายได้ แต่เนื่องจากหน่วยมีเวลาน้อยและขาดวัสด ุ
้
ป้อมสนาม เช่น กระสอบทราย ขอนไม้ที่จะใช้ทำบังเกอร์หลังคาปิด ดังนั้นหน่วยจึงควรเตรียมการตั้งรับดวย
ึ
เครื่องกีดขวาง และกับระเบิดแนวหน้า ต้องรีบกระทำตั้งแต่ยังไม่มือค่ำ เพราะโดยปกติแล้วข้าศกมักจะเข้าตใน
ี
เวลากลางคืน โดยมีอาวุธหนักยิงสนับสนุนการเข้าตีทุกครั้ง
3. ปรส.เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพในการรบบนภูเขา เพราะบนสันเขาแคบ ๆ หรือในพื้นที่อับกระสุน
นั้น ป. ไม่สามารถทำการยิงได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้น ปรส.ยังมีขีดความสามารถในการทำลายสิ่งกีดขวาง
และบังเกอร์ได้เป็นอย่างดี การลดอันตรายจาก ปรส. กระทำได้โดยการสร้างบังเกอร์ให้เสมอกับพื้น และการ
ต่อสู้ในคูยิงจะได้รับอันตรายจาก ปรส.น้อยมากบังเกอร์ที่สูงจากพื้นดินโดยใช้กระสอบทรายก่อขึ้นมาจะเป็น
อันตรายอย่างยิ่ง
4. หน่วยไม่ได้คำนึงถึงความสำคัญของการระวังป้องกัน การจัดที่ฟังการณ์ และการจัดกำลังซุ่มโจมต ี
้
้
รอบฐานที่มั่นในเวลากลางคืน ทำให้ข้าศึกสามารถเขาถึงฝายเราไดอย่างรวดเร็ว โดยที่ฝ่ายเราไม่สามารถทราบ
่
การเข้ามา และรั้งหน่วงการเข้ามาของข้าศึกได ้
5. การปฏิบัติในครั้งนี้ ทุกหน่วยทำการตั้งรับอยู่ในฐานที่มั่นทั้งหมด ไม่มีหน่วยเคลื่อนที่ทำให้เสมือน
ทุกหน่วยติดอยู่กับที่ จึงเกิดมีช่องว่าง ข้าศึกสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเสรีในพื้นที่นอกเหนือไปจากที่มั่น
ของฝ่ายเรา โดยเฉพาะในเวลากลางคืน หรือในเวลาที่มีทัศนวิสัยเลว ซึ่งข้าศึกมีขีดความสามารถสูงในการ
ปฏิบัติในห้วงระยะเวลาดังกล่าว
6. การขาดการติดต่อประสานงานที่ดี และขาดการสนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นผลทำให้กำลังมาก
่
ที่ใช้รบ กลายเป็นกำลังน้อยไป ข้าศึกที่จะเข้าทำการรบต่อฝายเราด้วยการทุ่มเทกำลังเข้าทำลายเป็นจุดๆ หรือ
เป็นตำบล ๆ โดยที่ฝ่ายเรามิได้ให้การสนับสนุน หรือดำเนินกลยุทธช่วยเหลือหน่วยที่ถูกข้าศึกตีเลย
7. ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายรุก หรือเข้าตี การเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า และอุ้ยอ้ายเนื่องจากทหารต้องขน
้
ยุทโธปกรณ์และสัมภาระที่ไม่จำเป็นติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ทหารเกิดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยลา และขาดความ
คล่องตัวในการยุทธ
8. ผู้บังคับบัญชาขาดลักษณะผู้นำทดี และไม่เอาใจใส่ดูแลความเป็นอยู่ของทหาร ทำให้ทหารไม่เคารพ
ี่
และไม่มีความเชื่อมั่นในตัว ผบ.ร้อย เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คับขัน จึงไม่สามารรถที่จะควบคุมบังคับ
บัญชาทหารได้ ทำให้เกิดความระส่ำระสายขึ้นภายในหน่วย
9. การติดต่อสื่อสาร พนักงานวิทยุมักไม่ค่อยมีวินัยในเรื่องการรักษาความลับในการส่งข่าวและ
ผู้บังคับหน่วยไม่ค่อยมองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงไม่ค่อยกวดขันพนักงานวิทยุ ทำให้เกิดผลเสียหายเป็น
อย่างมาก เพราะข้าศึกมักจะทราบความเคลื่อนไหวของฝ่ายเราตลอดเวลา
10. บทเรียนที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ การใช้กำลังรบในลักษณะอาสาสมัครจากประชาชนซึ่งมิใช ่
กองทัพทหารประจำการมาแต่ยามปกตินั้น จะสามารถใช้ไดผลดีมีประสทธิภาพและประหยัดมาก การทจะทำ
ิ
้
ี่

