Page 13 - นาวิกศาสตร์ เดือน กรกฎาคม ๒๕๖๕
P. 13
คุณครู พลเรือโท ศรี ดาวราย อดีตเจ้ากรมอู่ทหารเรือ ได้เขียนเล่าถึง พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน ไว้ว่า
ี
ี
ี
ี
“หลังจากท่ท่านได้พ้นโทษแล้ว ผมได้ไปเย่ยมท่านท่บ้าน ท่านได้พูดเล่นกับผมว่า เออ! คุณศรีไปอยู่เมืองนอกก่ปี?
ผมตอบว่า “๕ ปี”
ท่านก็บอกว่า “ผมก็ได้ไปเมืองนอกมาอีกเกือบ ๖ ปี เหมือนกัน”
ก่อนกลับท่านกล่าวอย่างปลงตกว่า “อย่าไปคิดอะไรเลย นึกว่าเป็นกรรมของผมก็แล้วกัน”
ั
ื
หลังจากน้น ก็มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เม่อวันท ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ แต่งต้งให้ พลเรือโท
ี
่
ั
หลวงพลสินธวาณัติก์ (เปล่ง พลสินธ์ สมิตเมฆ) รองเสนาธิการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ และรักษา
ราชการเสนาธิการทหารเรืออีกต�าแหน่งหนึ่ง แล้วทหารเรือก็โดน ยุบโน่น ยุบนี่ ยึดโน่น ยึดนี่
ี
ื
ึ
ึ
ั
จะขอเล่าถึงการ “ยุบ” ท่น่าสนใจอีกเร่องหน่ง คือ มีผู้ปราบกบฏคนหน่งเสนอขอให้ปลดนายพลเรือท้งหมด
ั
ี
พลเรือโท หลวงพลสินธวาณัติก์ ท่านก็ค้าน เพราะถ้าจะปลดนายพลเรือท้งหมด ท่านก็ต้องโดนด้วยน่ะซ และ
ึ
ึ
อีกประการหน่ง นายทหารเรือกว่าจะได้เป็นนายพลมาคนหน่ง ๆ ไม่ใช่เวลาเล็กน้อย ต้องมีความสามารถได้ผ่านกิจการ
ื
ี
ี
มามากจึงจะเล่อนยศเป็นนายพล และนายพลเรือเหล่าน้ก็มิได้เก่ยวข้องกับการปฏิวัติด้วย จึงเป็นอันว่าการปลดนาย
พลเรือต้องระงับไป แต่เท่านี้ยังไม่พอ ท่านผู้เป็นประธานฯ ก็จะให้ปลดนายพลเรืออีกคนหนึ่ง โดยอ้างว่า “เป็นเจ้ำ”
พลเรือโท หลวงพลสินธฯ ท่านก็ได้ทักท้วงว่าถึงท่าน “เป็นเจ้ำ” ท่านก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกบฏ จึง “รอด” ไปได้
ั
ี
อีกคน ถ้าผมจาไม่ผิด นายพลทหารเรือท่เป็นเจ้าในตอนน้น ก็คือ พลเรือตรี หม่อมเจ้ำครรชิตพล อำภำกร พระโอรสของ
�
์
ิ
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด องค์บิดาของทหารเรือไทย
นั่นเอง (ต่อมาเป็นพลเรือเอก ผู้บัญชาการทหารเรือ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ถึงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๙
คือ วันที่สิ้นชีพิตักษัย)
หลังจากที่ พลเรือโท หลวงพลสินธฯ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ ได้ไม่นาน
ท่านได้เดินทางไปยังโรงเรียนนายเรือเกล็ดแก้ว สัตหีบ ตอนนั้น ผมเป็นนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๒ จ�าวันที่ไม่ได้ว่าเป็น
วันที่เท่าใด นายทหาร และนักเรียนนายเรือทั้งหมดถูกเรียกเข้าห้องประชุม เพื่อฟังค�าชี้แจงจากผู้บัญชาการทหารเรือ
ี
ิ
คนใหม่ ท่านได้กล่าวรับรอง และยืนยันว่าทุกส่งทุกอย่างท่เป็นของกองทัพเรือ และถูกยึดครองไป ท่านจะเรียกร้อง
เอาคืนมาให้หมด
นอกจากน พลเรือโท หลวงพลสินธฯ ท่านยังได้เรียกประชุมนายทหารเรือทหองประชมรำชนำวกสภำ ท่านกล่าวว่า
ี
ี
่
ิ
ุ
้
้
ั
ี
่
ั
ของเก่าทสญเสยไป กอย่าไปนกถงมน ท่านจะพยายามหาให้ใหม่ ขอให้นายทหารเรอช่วยกนตงหน้ารบราชการ
ั
้
ู
ึ
็
ึ
ั
ี
ื
โดยเต็มสติก�าลังต่อไป
พลเรือโท หลวงพลสินธวาณัติก์ ท่านเป็นคนพูดจริง ท�าจริง เมื่อเป็นผู้บัญชาการทหารเรือแล้ว ท่านได้พยายาม
ี
ั
ึ
ี
ี
ี
ทวงกองสัญญาณท่สวนลุมพิน กองบินทหารเรือท่สัตหีบ สวนอนันต์ (วังนันทอุทยาน) ซ่งเป็นท่ต้งของกองพันนาวิกโยธิน
(นย.๔) ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองสารวัตรทหารเรือคืน แต่ทั้งหมดก็ถูกขัดขวางไม่ยอมคืนให้
ี
ั
�
เร่องสาคญทมีผลกระทบต่อ พลเรือโท หลวงพลสนธฯ ผบัญชาการทหารเรือคนใหม จนถึงกับทาให้ท่านต้องลาออก
�
ื
่
ิ
ู้
่
�
�
จากตาแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ คือการขัดแย้งกับรัฐบาลในปัญหาตาแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ทางรัฐบาลจะแต่งต้ง
ั
ให้นายพลทหารเรือจากกรมการขนส่ง กระทรวงคมนาคม ซ่งเป็นผู้ท่ผู้บัญชาการทหารเรือไม่ได้เสนอขอไป
ึ
ี
เป็นเสนาธิการทหารเรือ ท่านไม่เห็นด้วย ท่านเห็นว่าเสนาธิการทหารเรือน้น ควรเป็นบุคคลท่ผู้บัญชาการทหารเรือเสนอไป
ั
ี
ึ
�
เพราะผู้บัญชาการทหารเรือ กับเสนาธิการทหารเรือ ต้องทางานประสานกันอย่างใกล้ชิด เป็นอันหน่งอันเดียวกัน
(เปรียบเสมือน “คอหอย” กับ “ลูกกระเดือก” ตอนนี้ผมว่าเอง) แต่ทางรัฐบาลก็ยังคงยืนยันเอาคนของรัฐบาลเช่นเดิม
นาวิกศาสตร์ 11
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕

