Page 23 - นาวิกศาสตร์ มกราคม ๒๕๖๕
P. 23
ี
การเตรียมรบ: ทหารเรือไทย-ฝรั่งเศส ท�าอะไรกันก่อน เป็นคนแรกคือ นาวาตร หลวงสินธุสงครามชัย
เกิดการรบ ๑๗ มกราคม ๒๔๘๔ ผู้จบจากโรงเรียนนายเรือเดนมาร์ก พ.ศ. ๒๔๗๒
ื
ี
ี
�
ั
เน่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม (มหาอานาจตอนน้นไม่รับไทยเข้าเรยนโรงเรยนนายเรือ)
ึ
การรบทางเรือด้วยอาวุธท่เป็นผลิตผลอุตสาหกรรม ซ่งในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๘๓ ได้รับยศเป็นพลเรือตร ี
ี
(Interstate Industrial War) จึงเป็นเร่องแปลกใหม่ ผู้บัญชาการทหารเรือ และแม่ทัพเรือในกรณีพิพาท
ื
ิ
ี
ั
ุ
ั
ิ
ไม่มใครทราบ และชาตตะวนตกมกปกปิดยทธวธ ี อินโดจีน การเตรียมรบของกองเรือไทยจึงมุ่งไปที่การฝึก
ิ
ั
�
�
ทางเรือเป็นความลับช้นสูง โดยเฉพาะอย่างย่งหลังยุทธนาว ี เป็นสาคัญ โดยมีคาขวัญว่า “ฝึกให้ชานาญจะย้มได้
�
ิ
ื
�
ี
ท่ซูชิมา (Tsushima) ค.ศ. ๑๙๐๕ หรือ พ.ศ. ๒๔๔๘ เม่อภัยมา” นอกจากท่านได้แต่งตาราทางยุทธวิธ ี
�
ที่ญี่ปุ่นสามารถคว�่าเอาชนะกองเรือรบรัสเซียซึ่งเป็นชาติ ไว้หลายเล่มแล้ว เช่น ตาราปืนใหญ่ สมุดคู่มือเรือ
�
�
ตะวันตกได้อย่างราบคาบ เรือรบได้กลายเป็นอาวุธสาคัญ ใช้ตอร์ปิโด พ.ศ. ๒๔๗๙ ท่านยังได้จัดทาเอกสารท ี ่
�
ในการเปรียบเทียบกาลังรบระหว่างประเทศ การเปรียบเทียบ เรียกว่า “ภาครวม” ไว้อีก ๓ เล่ม คือ “ภาครวม ๑”
ี
เช่นน้อาจเรียกได้ว่าเป็นการคิดท่จะทาสงครามด้วย “ภาครวม ๒” และ “ภาครวม ๓” เอกสารน้หากเปรียบ
ี
�
ี
�
�
การยึดหลักของจานวน ประเภทเรือรบ อากาศยาน หรือ กับสมัยปัจจุบันก็คือ ระเบียบปฏิบัติประจา หรือ รปจ.
�
�
ั
ท่เรียกว่า Platform Centric Warfare เป็นสาคัญ น้นเอง มีการกาหนดหลักปฏิบัติทางยุทธการ กาลังพล
ี
�
ี
�
ื
ึ
ั
่
ุ
ซงต่างกบปัจจบนทถอว่าจะต้องทาการรบด้วยระบบ ยุทธการ การส่งก�าลังบ�ารุง ในระหว่างการฝึก ตลอดจน
่
ั
�
เครือข่าย หรือ Network Centric Warfare เป็นสาคัญ ระบุก�าหนดข้อมูลต่าง ๆ จากยุทธวิธี เช่น แนวป้องกัน
�
้
�
ั
ในอดีตยุค พ.ศ. ๒๔๘๔ การเหนือกว่าด้านกาลังรบ เรือดานา นอกจากน้นใน พ.ศ. ๒๔๘๓ กรมเสนาธิการทหาร
�
ึ
ี
�
�
จะดูท่จานวน ขนาดของเรือ ปืน อากาศยาน หรือท่เรียกว่า ได้จัดทา “คู่มือแปรขบวนทัพเรือ ๘๓” ข้นมา
ี
ึ
�
�
ความเหนือกว่าด้านจานวน (Numerical Superiority) เป็นหลักปฏิบัติอีกเล่มหน่ง ด้วยการเป็นผู้นาฝึกหัดศึกษา
เช่น มีเรือหนักก่หม่นตัน ปืนใหญ่ขนาดก่น้ว จะม ี ทางยุทธวิธใช้งานรบตามยุทธวิธทางเรอสมัยใหม่ดงกล่าว
ี
ี
ี
ื
ิ
ั
ื
ี
�
ความสาคัญเป็นข้อได้เปรียบอย่างย่งยวดต่อการรบ ทหารเรือจึงนิยมเรียกท่านว่า “ครู” และยังเป็นการน�า
ิ
ทางทะเล เน่องจากเรือรบเหล็ก และยุทธวิธีทางเรือ ค�าว่า “ครู” มาเป็นสมญานามเรียกผู้บังคับบัญชา และ
ื
ั
้
�
ื
ั
ู
ื
ี
ยุคอุตสาหกรรมเป็นเร่องใหม่สาหรับไทย จึงไม่มีใครทราบ นายทหารชนผ้ใหญ่ในกองทพเรอเป็นประเพณสบมา
ื
ผู้นายุทธวิธีทางเรือสมัยใหม่เข้ามาในกองทัพเรือไทย จนถึงทุกวันนี้ด้วย
�
พลเรือตรี หลวงสินธุสงครามชัย (สินธุ์ กมลนาวิน) รักษาราชการผู้บัญชาการทหารเรือ ต้งแต่วันท่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ถึงวันท่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗
ั
ี
ี
�
�
ิ
ี
ี
และดารงตาแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ ต้งแต่วันท่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ถึงวันท่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ รวมครองตาแหน่งราว ๑๔ ปี เป็นผู้ริเร่ม
�
ั
�
นาเอายุทธวิธีการรบทางเรือสมัยใหม่มาใช้ในกองทัพเรือไทย เป็นแม่ทัพเรือในกรณีพิพาทอินโดจีน ในยุค พ.ศ. ๒๔๘๐ กองทัพเรือไทยมีนายพล
ู
อย่เพยงคนเดยว คอ ผู้บญชาการทหารเรอ ในภาพท่านไปกากบดแลการฝึกทางยทธวธด้วยตวเองอย่างเข้มงวด พลเรอตร สนธ์ กมลนาวน เป็น
ิ
ิ
ุ
ิ
ื
ั
ี
ั
ู
�
ุ
ั
ี
ื
ี
ื
ี
ผู้บัญชาการทหารเรือ ท่านเดียวที่เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธีทางเรืออย่างยิ่ง
นาวิกศาสตร์ 21
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕

