Page 157 - ๒๕๐ ปี ตามรอยกองเรือยกพลขึ้นบกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากจันทบุรีสู่อยุธยา
P. 157
ถอยกลับไปตั้งหลักเพื่อกลับมากู้ชาติ
ึ
ี
หลักการรบของทหารข้อหน่งสำาหรับนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ คือ “ถ้าสู้ตรงน้สู้ไม่ได้ ก็ถอยไปต้งหลักแล้ว
ั
กลับมาสู้ใหม่”
้
เม่อนำาเหนือมาท่วมทุ่งรอบ ๆ กรุงศรีอยุธยา แต่ทัพพม่ายังคงล้อมรอบกรุงอยู่ไม่ถอยกลับตามท ่ ี
ื
อยุธยาหวัง เสบียงอาหารเริ่มขาดแคลนจนประชาชนบางส่วนหนีออกไปให้พม่าจับเพื่อให้มีข้าวกิน พม่าเคลื่อน
ย้ายไปมาได้โดยเสรี แต่คนไทยต้องอยู่ภายในกำาแพงเมืองทุกคน ท้งนายและไพร่ต่างรู้ว่าแล้งหน้ากรุงต้องแตก
ั
ี
แน่ ๆ จึงมีการหลบหนีออกจากตัวเมืองอยุธยา ท้งเป็นบุคคล เป็นกลุ่ม เป็นกองทัพ ก่อนท่พระเจ้าตากสิน
ั
จะยกทัพตีฝ่าวงล้อมพม่า เช่น ทัพพิษณุโลกก็ถอยกลับไปแล้ว ทัพนครราชสีมารบแพ้ก็หนีกลับเมืองตน ทัพกรุง
โดยพระเจ้าศรีสังข์ออกไปรบก็แพ้หนีไปอยู่เมืองเขมร
ี
ื
เม่อเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาจะต้องแตกแน่ ๆ พระเจ้าตากสินพร้อมทหารในสังกัดท่ตามมาจากเมืองตาก
จึงตัดสินใจตีฝ่าวงล้อมพม่าจากค่ายวัดพิชัย (ปัจจุบันคือวัดพิชัยสงคราม) ทางด้านตะวันออกนอกกำาแพงเมือง
ั
ท่ตนรักษาอยู่ ตีฝ่าทัพพม่าออกไปทางตะวันออกเพ่อไปหาท่ต้งรวมพลสร้างกองทัพกลับมากู้กรุงศรีอยุธยา
ี
ื
ี
ั
ั
้
ื
ี
(กชาติ) ผ่านไปทางเขตเมองนครนายก ปราจีนบุร ฉะเชิงเทรา ชลบุร ระยอง หยุดตงหลักช่วคราวอยท่เมืองระยอง
ี
ู้
ู่
ี
รอจนกรุงศรีอยุธยาแตกแล้วจึงขยับไปยึดเมืองจันทบุรีเป็นฐานทัพสร้างกองทัพเพื่อไปกู้ชาติ
ื
่
ั
ี
พระเจ้าตากสินตีฝ่าออกจากอยุธยาเมอวนท่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๓๐๙ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น.
ระหว่างทางถูกพม่ายกทัพตามตี ๔ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ รบกับพม่าที่บ้านหันตรา (หารตรา) คืนวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๓๐๙ หลังจากออกมาเพียง
ั
ี
ี
๒-๓ ช่วโมง ชนะพม่าและเดินทางต่อไปพักแรมคืนท่บ้านสามบัณฑิตย์ เวลาเท่ยงคืน มองกลับไปทางตัวเมือง
อยุธยาเห็นไฟไหม้พื้นที่กว้างใหญ่ด้วยฤทธิ์ปืนใหญ่พม่า
ครั้งที่ ๒ รบกับพม่าที่บ้านโพสาวหาญ (เดิมชื่อโพธิ์สังหาร) ในช่วงเช้าวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๓๐๙
ี
ั
ี
ทัพพม่าตามมาทันด้วยกำาลังพลท่มากกว่าได้รบกันถึงข้นตะลุมบอน ณ ท่บ้านโพสาวหาญน้เกิดวีรชนชาวบ้าน
ี
ั
ี
ท่มาช่วยพระเจ้าตากรบพม่าชาวบ้านท้งชายหญิงนำาโดยนางโพได้นำาชาวบ้านมาช่วยพระเจ้าตากรบกับพม่า
จนชนะศึก แต่นางโพและชาวบ้านหลายคนรวมท้งน้องสาวนางโพด้วยต้องตายในสนามรบ พระเจ้าตากสิน
ั
ท่านจึงเปลี่ยนชื่อบ้าน “บ้านโพธิ์สังหาร” เป็น “โพสาวหาญ” เป็นวีรกรรมที่น่ายกย่องนับถือชาวบ้านชายหญิง
ี
ี
ี
ี
ไม่มีหน้าท่รบแต่มาช่วยพระเจ้าตากรบกับพม่าจนตัวตายในขณะท่นายทหารใหญ่ ๆ ท่มีหน้าท่เป็นแม่ทัพมีหน้าท ่ ี
รบป้องกันชาติกลับหนีข้าศึก ถ้าได้ผู้นำาดี ผู้บริหารที่ดี กรุงศรีอยุธยาจะไม่แตก ปัจจุบันมีศาลเจ้าแม่โพสาวหาญ
ี
ี
อยู่ท่วัดโพสาวหาญ แต่ผมคิดว่าไม่พอสำาหรับวีรกรรมท่ท่านเหล่าน้นกระทำาไว้แก่แผ่นดิน มันต้องเป็น “อนุสาวรีย์
ั
ชาวบ้านโพสาวหาญ” ถึงจะเหมาะสม ผมเชื่อว่าชาวอยุธยาทำาได้
ี
ี
ี
ั
่
ครังท ๓ รบกบพม่าทบ้านพรานนก ภาคบ่ายของวันท่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๓๐๙ ขณะท่พักทัพ
้
ี
่
ี
เตรียมพักแรมคืน ทัพพม่าจากปราจีนบุรีจะกลับไปอยุธยายกทัพไปกวาดต้อนจับยึดคนและทรัพย์สินท่บริเวณ
ื
ั
ี
ี
ี
ั
เมองปราจนบรมาพบจงรบกนแบบกะทนหน พม่าไล่จบทหารพระเจ้าตากสนทส่งออกไปหาเสบยงหนกลบมา
่
ี
ี
ิ
ึ
ุ
ั
ั
ั
จึงเกิดการรบแบบจู่โจม ๕ ม้าไทย นำาโดยพระเจ้าตากจู่โจม ๓๐ ม้าพม่า ด้วยความเร็วและรุนแรง ๕ ม้าไทยชนะ
๓๐ ม้าพม่า ทหารเดินเท้าพม่าแตกกระเจิงสูญเสียมากเพราะทหารเดินเท้า ไทยตีโอบทั้ง ๒ ด้าน วีรกรรมครั้งนี้
ี
วันท่ ๔ มกราคม จึงเป็น “วันทหารม้าของกองทัพบกไทย” และความว่า “รวดเร็ว รุนแรง” จึงเป็นคำาพูดสำาคัญ
ของทหารม้า
155

