Page 26 - นาวิกศาสตร์ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
P. 26

- เป็นสิ่งก่อสร้างส�าคัญที่ต้องล้อมรั้วไม่ให้คนเข้า ลั่นกุญแจปิดประตูทางเข้า  ตุ๊กตา ๕ ตัวที่ยืนเฝ้าอนุสาวรีย์

            คืออะไร “ไม่รู้”  ไอ้ที่แหลม ๆ โด่ ๆ ชี้ขึ้นไปบนฟ้าคืออะไร “ไม่รู้”  รู้แต่ว่าเขาเรียกกันว่า “เหล็กขูดชาร์ป”  ทั้งข้างบน
            และข้างในมีอะไร “ไม่รู้”
                  - พอถึงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ก็ไขกุญแจเปิดประตู จุดไฟที่กระถางคบเพลิงทั้งสี่กันเสียที ปีละครั้ง มีทหารบก
                                                                                               ึ
                                                �
            ทหารเรือ ทหารอากาศ ยกกองเกียรติยศมาทาพิธีวางพวงมาลาดอกป๊อปปี้ กันอย่างคึกคัก เด็กสาวคนหน่งถามว่า
            “เขาท�าอะไรกัน”
                ผู้คนที่สนใจว่า ไอ้ที่ล้อมรั้วไว้น่ะ มีอะไรกัน จึงสามารถเข้าไปดูได้โดยต้องเสี่ยงตายจากการถูกรถชน เดินข้ามลาน
            อันกว้างขวาง ไปดูให้หายสงสัย ปีเดียวมีหนเดียว

                *  ฯลฯ
                นี่คือ “วันทหารผ่านศึก” ๓  กุมภาพันธ์ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
                ถ้าจะถามผมว่า “รู้ว่าเป็นยังงี้ ได้ยังไง” ก็จะขอบอกว่า “ผมเป็นเด็กสนามเป้า อยู่สนามเป้ามา ๘๒ ปี ตั้งแต่
            ๔ ขวบ สนามเป้ายังไม่มีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เห็นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาตลอด ๗๘ ปี ตั้งแต่เริ่มสร้าง จนกระทั่ง
            มีครูทหารเรือท่านหนึ่งเสนอให้ย้ายอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ”


            ๒. เรื่องเก่าเล่าใหม่
                                               ั
                                                     ื
                                                  ึ
                           ื
                ผมเคยเขียนเร่อง “ป๊อปปี้สีเลือด” มาคร้งหน่ง เม่อ ๔๕ ปีมาแล้วในนาวิกศาสตร์ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๗
                 ั
            ตอนน้นยังเป็นนาวาโท พอเขียนจบ ทางองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกก็โทรฯ มาคุยกับผมว่า ขออนุญาตเอาบทความ
                                               ึ
                      ื
                    ี
                   ้
                   ี
               ๊
                                           ่
                                                                                                    ์
            “ปอปปสเลอด” ไปตีพิมพ์ในหนังสือ “ผานศกสาร” ของ “องคการสงเคราะหทหารผานศก ในพระบรมราชปถมภ”
                                                                                                  ั
                                                                                               ู
                                                                        ์
                                                             ์
                                                                              ่
                                                                                 ึ
            หลังจากนั้นไม่นานก็ส่ง “ค่าเขียน” มาให้อีกด้วย โดยที่ผมไม่ได้ร้องขอแต่อย่างใด
                                                                                                  �
                                            ี
                                                                                   ู
                                          ั
                                                                                             ิ
                         ื
                การเขียนเร่อง “ป๊อปปี้สีเลือด” คร้งน้เป็นการเอาของเก่ามาปัดฝุ่นแล้วเรียบเรียงใหม่ หารปประกอบเพ่มเติม ทาให    ้
                                                       ี
                 ึ
                                                                ื
            “ดูดีข้น” บรรณาธิการนาวิกศาสตร์ท่านก็ไม่รังเกียจท่จะ “เอาเร่องเก่ามาเล่าใหม่” จึงอนุญาตให้ตีพิมพ์เร่องน  ี ้
                                                                                                  ื
            เป็นส�านวนที่ ๒ ได้

                                                    เรื่องก็เก่า คนเขียนก็เก่า (THE PAST) มิหน�าซ�้า ยังแก่อีกด้วย
                                                ถ้าไม่รังเกียจ “เรื่องเก่าเล่าใหม่” โปรดติดตาม
            ๓. ดอกไม้สีแดง
                                                                               ี
                คงจะเคยเห็นกันอยู่แล้วว่า ในวันทหารผ่านศึกของประเทศไทย ซึ่งตรงกับวันท่ ๓ กุมภาพันธ์ ได้มีชาวไทย
                                      ี
                                                                              �
            ท้งหญิงชาย ประดับดอกไม้สีแดงท่เส้อ หรือไม่ก็มีดอกไม้น้นประดับไว้ในรถ และบนโต๊ะทางาน ดอกไม้ดอกน้นเป็นดอกไม้
                                                                                            ั
             ั
                                       ื
                                                       ั
                                                                                                  ั
            ประดิษฐ์ ขนาดเล็ก ๆ กระทัดรัด ก้านและใบสีเขียวเข้มมองดูสวยงาม สีสันสะดุดตาดี เรารู้จักดอกไม้ดอกน้นว่า
            ดอก “ป๊อปปี้” (Poppy)
                                                                           �
                ดอกป๊อปปี้เป็นดอกไม้อนุสรณ์ทหารผ่านศึก ซ่งได้จัดทาข้น และนาออกจาหน่ายหาเงินสมทบทุนช่วยเหลือ
                                                            �
                                                              ึ
                                                                     �
                                                     ึ
                            �
                                   ี
                                                       ี
            ทหารผ่านศึก มีต้นกาเนิดอยู่ท่ประเทศอังกฤษ และเท่าท่ทราบในขณะน้เป็นท่รู้จักกันดีในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย
                                                                   ี
                                                                       ี
            อเมริกา และประเทศไทย เบื้องหลังของดอกไม้สีสวยสะดุดตานั้น มีเรื่องราว และความเป็นมาจากความเศร้าสลดยิ่ง
            ในการท่ทหารหาญ ๙ ล้านคนของโลก ต้องตายไปอย่างน่าสยดสยองในสงครามโลกคร้งท่ ๑ ซ่งส่วนมากได้พากัน
                   ี
                                                                                       ึ
                                                                                  ี
                                                                                ั
            เอาชีวิตไปทิ้งเสียในทุ่งฟลานเดอร์ส (Flanders) – สมรภูมิเลือด
                 นาวิกศาสตร์   24
                 ปีที่ ๑๐๓  เล่มที่ ๒  กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31